เมื่อเวลา 14.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้อภิปรายชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในญัตติการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า หลายเรื่องที่กล่าวมามีทั้งเรื่องอดีตและปัจจุบันและอนาคต ผมไม่ได้โกรธท่านเลยนะครับ วันนี้ผมมีรอยยิ้มและแจ่มใสมาตลอด วันนี้ผมมาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมีการปล่อยข่าวจำนวนมากว่าจะต้องมาเผชิญศึกในและศึกนอก แต่ผมถือว่าเป็นกลไกของประชาธิปไตยไทย และได้เข้ามาอยู่ในกระบวนการนี้โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า เมื่อประเทศเราเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแล้วตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้ร่างออกมาแล้วนั้นอาจจะไม่ถูกใจใครไปทั้งหมด เป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการเลือกส.ส.และส.ว.เข้ามาให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ผมเข้าสู่กระบวนการด้วยการเลือกนายกฯ และจำได้ไหมว่าผมได้คะแนนเสียงเกิน 250 คะแนนนะครับ มากกว่าฝ่ายค้านและไม่ได้ใช้คะแนนเสียงของส.ว.เลย สิ่งใดก็ตามที่เป็นหน้าที่ของพวกเราในสภาทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ต้องทำงานเพื่อก่อประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ ข้อกล่าวหาที่อภิปรายไม่ไว้วางใจผมมานั้นประชาชนฟังทั้งประเทศ บางอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริงโดยสมบูรณ์ บางครั้งต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน
“ข้อกล่าวหาที่กล่าวหาว่าผมไม่ได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยนั้นยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดอย่างนี้เลย ขอกล่าวไปก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ประชาชนเห็นภาพทางโทรทัศน์ทั้งในปี 2553 2557 จะด้วยวิธีทางใดก็ตาม ผมจำเป็นต้องแก้ปัญหาของประเทศชาติให้ลุล่วงเพื่อให้เกิดความสงบและความเรียบร้อยไปสู่การเลือกตั้งและการมีรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน สิ่งที่ผมเป็นกังวลในตอนนั้น ผมเปิดอกแล้วกันว่าสมัยก่อนผมก็กังวลเรื่องการโกง ย้อนกลับไปมันก็เยอะนะ เพราะคดีความต่างๆมีมากมาย ดังนั้น ในการกระทำก่อนหน้าวันที่ 22 พ.ค.2557 มีมาต่อเนื่อง มีเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น เช่น ความไม่สงบเรียบร้อย การบริหารราชการไม่ได้ และกระบวนการทำลายอำนาจตุลาการ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปเขายอมรับครับติดคุก แต่บางคนไม่ยอมติดคุก การออกกฎหมายนิรโทษกรรมในเวลากลางคืน ท่านว่าผมวันนี้ท่านต้องย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของคนก่อนหน้านี้ด้วยว่าทำอะไรบ้าง เราจะยอมให้ประเทศเป็นอย่างนั้นเหรอ นั่นคือเหตุผลที่ผมเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวชี้แจงข้อกล่าวหาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของใครก็ต้องไปดู การทำกฎหมายกู้เงิน การจำนำข้าว ใครทำผมไม่รู้ ผมอยากให้ประชาชนได้เปรียบเทียบดู ผมเอาข้อเท็จจริงมาพูด การกล่าวหาว่าใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมและละเมิดนิติธรรมนั้น ขอเรียนว่าผมไม่เคยก้าวล่วงใคร ไม่เคยจับใครติดคุก มีแต่ความเมตตาและขอคุยกัน ท่านสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้กับผมมาตลอด จริงๆแล้วผมเป็นคนอารมณ์เย็น พูดจาดุไปบ้างแต่นักข่าวเข้าใจผม รัฐบาลบริหารประเทศเพื่อทุกคน อาจจะยากและช้าไปบ้าง แต่สิ่งที่ทำวันนี้ไม่ได้ใช้เงินอย่างเดียวเพราะได้เข้ามาให้ความรู้และหาวิธีการต่างๆเข้ามาช่วยประชาชน
“เรื่องมาตรา 44 ไม่เคยไปใช้แกล้งข้าราชการ วันนี้มาตรา 44 ไม่ได้มีอีกแล้ว เพราะคสช.เลิกไปตั้งนาน การใช้มาตรา 44 เป็นไปเพื่อแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกและบูรณาการให้กับส่วนราชการ เช่น การค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบินของไอเคโอ้ ไปจนถึงการแก้ไขเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายของไอยูยู ผมก็ทำสำเร็จ ทำไมก่อนหน้านั้นไม่ทำให้สำเร็จ แต่การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องใช้กฎหมายปกติด้วยไม่ได้ใช้แต่มาตรา 44 เท่านั้น หรือ เรื่องการสืบทอดอำนาจใครจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องของการทุจริตนั้นผมทำทุกอย่างด้วยเจตนาบริสุทธิ์ โดยทุกขั้นตอนก็เป็นไปตามขั้นตอน ไม่เคยไปนั่งหัวโต๊ะแล้วสั่งลงมา หรือการเอื้อประโยชน์ก็เป็นเพียงการวิจารณ์หรือการคาดการณ์ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โลกเกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยเจอกับปัญหาอะไรบ้างและต้องติดตามแก้ไขปัญหาต่อไป” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวถึงการใช้นโยบายสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือประชาชนว่า การกล่าวหาเรื่องการทำประชานิยม ผมก็ดำเนินการให้เฉพาะบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่าแสนหรือต่ำกว่าสามหมื่น ท่านจะไม่ดูแลพวกเขาเหรอครับ รัฐบาลดูแลให้ถึงคนทุกคน 14 ล้านคนเศษเขาได้รับเงินตรงถึง ซึ่งไม่ได้มากเลยถ้าคิดเป็นรายหัว แต่เขาสามารถไปซื้อข้าวซื้อน้ำปลา มาตรการชิมช้อปใช้นั้นร้านค้ารายใหญ่มีส่วนแค่ 8% เท่านั้น
“ผมพูดแค่นี้อารมณ์ดี ผมเป็นสุภาพบุรุษและทหาร ผมจะต้องรักษาสัตย์และจิตใจของผม ผมไม่อยากก้าวล่วงใครทั้งสิ้น ผมต้องการคำอภิปรายที่เป็นประโยชน์ อันไหนดีไม่ดีหรือใช่ไม่ใช่ก็กรุณาฟังคำตอบของพวกผมด้วยเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน หลายอย่างวันนี้มีการบิดเบือนกันมากเกิดข่าวปลอม ผมขอหยุดการอภิปรายของผมไว้เพียงเท่านี้ครับ ขอบพระคุณครับ” นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย