นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ขยายตัวและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชน นอกจากนี้มาตรการที่รัฐบาลออกมาในการจัดการ ไวรัสโควิด-19 เป็นมาตรการที่ไร้น้ำยา ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สอดคล้อง ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ รัฐควรย้อนมาดูมาตรการที่ตัวเองออกไป ว่าได้ผลหรือไม่อย่างไร
ถือเป็นความโชคดีที่การบริการด้านสาธารณะสุขของประเทศไทย มีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับโลก จึงสามารถคลี่คลายปัญหาได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ในการรักษาไวรัสโควิด-19 นั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 47 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ์ได้รับการบริการจากรัฐในการป้องกันและขจัดโรคติดต่อร้ายแรง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่รัฐไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ กลับให้ประชาชนไปจัดซื้อจัดหาหน้ากากอนามัยเอง ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรผลักภาระให้ประชาชน จากการบริหารราชการที่ผิดพลาด เมื่อรัฐบอกว่ามีกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยต่อวันที่ 1.2 ล้านชิ้น แต่ทำไมบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลหลายแห่งกลับไม่ได้รับหน้ากากอนามัย หลายพื้นที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัย ฟ้องว่ารัฐบาลโกหกประชาชน ถึงวันนี้ประชาชนทั่วไปแม้มีเงินก็หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้
“ทั้งนี้การจัดการการแก้ปัญหาระบาดของไวรัสโควิด-19 ของพลเอกประยุทธ์ ไร้น้ำยา ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ แต่กลับใช้วิกฤติหาประโยชน์จากประชาชน เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก รัฐไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์ในภาวะวิกฤติของประเทศ ถือเป็นรัฐล้มเหลว ไร้ปัญญาแก้ปัญหาให้ประชาชน”นายแพทย์ชลน่านกล่าว