นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการแสดงความเห็นผ่านกลุ่มไลน์ของ ส.ส.และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามปกติ ที่สมาชิกพรรคทุกคนสามารถแสดงความเห็นของตนเองได้อย่างเต็มที่ มีหลายครั้งที่ได้แสดงความเห็นกันอย่างเข้มข้นต่อสถานการณ์ทางการเมืองนั้นๆ อาจมีเห็นต่าง ความเห็นขัดแย้งกันบ้าง ก็เป็นธรรมดาของพรรคการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรคสูง หลายครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีความขัดแย้งทางด้านความคิด ต้องประชุมถกเถียงกันข้ามวันข้ามคืน แต่เมื่อได้ข้อสรุป ทุกคนก็ยินดีปฏิบัติตามมติพรรคทุกประการ
กรณีความเห็นเรื่องการถอนตัวจากการเข้าร่วมรัฐบาลนั้น เป็นความเห็นจากสมาชิกพรรคผู้อาวุโสคืออาจารย์เจริญ คันธวงศ์ ที่เป็นอดีต ส.ส.ของพรรคตั้งแต่ปี2519 เป็น ส.ส.หลายสมัย เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ได้ให้ข้อคิดเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาล และมีสมาชิกหลายคนได้แสดงความเห็นในแนวทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง และนำมาพิจารณากันต่อไป ส่วนความเห็นของนายพนิต วิกิจเศรษฐ์ พูดถึงการหยุดพายเรือให้โจรนั่ง คงเป็นการเปรียบเปรย หรืออุปมาอุปมัยเท่านั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์ ถอนตัวหรือการเข้าร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นมติพรรคจากที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคกับส.ส.ของพรรคทั้งหมด จะต้องนำมาหารือหรือทบทวนมติพรรค ซึ่งต้องพิจารณาถึงเงื่อนไข3ข้อในการเข้าร่วมรัฐบาล ว่าจนถึงบัดนี้รัฐบาลได้ละเมิดเงื่อนไข3ข้อของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ควรให้กำลังใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล ได้มีโอกาสทำงานแก้ปัญหาของประเทศชาติไปก่อน ในขณะเดียวกันก็ควรรับฟังเสียงสะท้อน หรือกระแสของสังคมด้วย ว่าต้องการให้พลเอกประยุทธ์ปรับปรุงภาพลักษณ์และการทำงานอะไรบ้าง ปัญหาเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดคือ การปรับ ครม.ต้องยึดหลักตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ต้องตัดเนื้อร้ายออกไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะลุกลามจนเกินกว่าที่จะเยียวยาได้
ขณะที่ มติชน รายงานว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)รายหนึ่งกล่าวว่า กรณีคนเคลื่อนไหวในประชาธิปัตย์ที่ให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นความคิดเห็นส่วนตัว และล้วนเป็นส.ส.สายอดีตหัวหน้าพรรคคนก่อนทั้งนั้น ไม่ใช่มติพรรคหรือความคิดเห็นส่วนใหญ่ ที่ผ่านมาการเข้าร่วมรัฐบาลของปชป.ผ่านการลงมติด้วยเสียงส่วนใหญ่มาตลอด ล่าสุดการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคได้มีการลงมติเช่นกัน คะแนนไว้วางใจออกมา 24 ต่อ 17 แต่กลุ่มนี้ยังวิจารณ์ไม่จบ ดังนั้นถ้าทุกคนที่วิจารณ์เห็นว่าคนในรัฐบาลมีความผิด ถ้ารักชาติ มีนิติรัฐ ควรออกแจ้งความกล่าวโทษเอาผิดกับคนที่ตัวเองกล่าวหา
แกนนำคนเดิมกล่าวต่อว่า กรณีการร่วมรัฐบาล ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ซึ่งอำนาจอยู่ที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการรพรรค ยืนยันล่าสุดไม่มีการถอนการร่วมรัฐบาลและไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของประชาธิปัตย์ ยกเว้นสลับเปลี่ยนคนทำงานบางตำแหน่งในโควต้าของพรรค ตามปกติ) ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณไม่ปรับสัดส่วนประชาธิปัตย์ทุกอย่างยังอยู่คงเดิม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็เช่นกัน
“สำหรับประเด็นหน้ากากอนามัยที่เป็นข่าวขณะนี้ เป็นเหตุแห่งการขย่มรัฐบาลหรือรัฐมนตรีนั้นเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางการเมืองซึ่ง ฉวยโอกาสกระแสประชาชนเท่านั้น แต่การทำงานในสถานการณ์วิกฤตเป็นปกติที่จะมีภาควิจารณ์ได้”แกนนำปชป.กล่าว
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่โชเชียลมีเดียและสื่อมวลชนรายงานกรณีปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัยกว่า 200 ล้านชิ้น โดยพยายามชี้ให้เห็นว่ามีคนใกล้ชิดรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวโยงการกักตุนหน้ากากอนามัยและมีการส่งออกต่างประเทศและมีการซื้อขายกันในราคาที่สูงกว่าราคาที่รัฐบาลควบคุมหลายเท่าตัวนั้น
ประเด็นดังกล่าว ตามที่ผู้สื่อข่าวหลายสำนักรายงานว่าในกลุ่มไลน์ของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มีการโพสต์ข้อความในกรณีดังกล่าวเดือดกันทั้งวัน โดยมี ส.ส.บางท่านเสนอว่าควรถอนตัวออกมาจากการร่วมรัฐบาล ขณะที่ ส.ส.หลายท่านก็หนุนและต้องทบทวน 3 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ซึ่ง ส.ส.บางท่านเล่นแรงถึงขั้นโพสต์ว่า“ถึงเวลาหยุดพายเรือให้โจรนั่ง”
กรณีดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์หากจะมีอุดมการณ์หลงเหลืออยู่บ้าง จะได้ร่วมกันพิจารณาทบทวนการดข้าร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องอยู่ที่การตัดสินใจของคนประชาธิปัตย์เอง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหัวหน้าพรรคนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และมี ส.ส.อีกหลายคนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ด้วยนั้นจะเอาด้วยหรือไม่ หรือเป็นเพียงพวกอิจฉาตาร้อน เพราะตนเองไม่มีตำแหน่งเลยฟาดงวงฟาดงาเล่นๆในกลุ่มไลน์ไปวันๆเท่านั้น แต่หากพรรคประชาธิปัตย์กล้าถอนตัวออกมาจริง ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีของพรรคในอนาคตที่จะปิดโอกาสเสี่ยงการสูญพันธุ์แน่นอน
แต่หากจะถอนตัวจริง ขอให้ หน.พรรคฯและ รมว.พาณิชย์เคลียร์ปัญหาข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น และการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยที่ล้มเหลวในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เพราะประชาชนเขาตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะกรมการค้าภายในกันทุกวันว่าไม่สามารถกระจายให้สถานพยาบาล ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ ร้านช้ำได้ตามที่โฆษณาชวนเชื่อไว้ เพราะถ้าทิ้งเรือแป๊ะออกไปตอนนี้ ประชาชนเขาจะตำหนิได้ว่า เป็นพวกเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด