หน้าแรก news “ชาญกฤช” เตือนสติคนไทย หันหน้าเข้าหากันฝ่าวิกฤตไวรัสโควิด ย้ำรัฐบาลดูแลพี่น้องประชาชนและภาคธุกิจอย่างเต็มกำลัง

“ชาญกฤช” เตือนสติคนไทย หันหน้าเข้าหากันฝ่าวิกฤตไวรัสโควิด ย้ำรัฐบาลดูแลพี่น้องประชาชนและภาคธุกิจอย่างเต็มกำลัง

0
“ชาญกฤช” เตือนสติคนไทย หันหน้าเข้าหากันฝ่าวิกฤตไวรัสโควิด ย้ำรัฐบาลดูแลพี่น้องประชาชนและภาคธุกิจอย่างเต็มกำลัง
Sharing

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ลุกลามไปยังประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาห้ามการเดินทางเข้าประเทศจาก 26 ประเทศในยุโรป ยกเว้น สหราชอาณาจักร อีกทั้งล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไวรัสโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก และนักเศรษฐศาสตร์ไทยประเมินว่า หากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อนาน 6 เดือน รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทยปีนี้จะหายไปราว 2.78 แสนล้านบาท

ท่านอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เร่งออกชุดมาตรการลดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 1 ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบ ครอบคลุมทั้งพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ โดยยึดหลัก “ทันการณ์ ตรงเป้าหมาย และชั่วคราวตามจำเป็น” ทั้งด้านการเงินและด้านภาษี อาทิ :

  1. ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่ร่วมโครงการกับธนาคารออมสิน ปล่อยเงินกู้ให้ผู้ประกอบการดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลา 2 ปี สูงสุดรายละไม่เกิน 20 ล้านบาท
  2. ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน
  3. ลดภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ จากร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 1.5 สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมิน ตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 ก.ย.63

และ 4. SMEs หักรายจ่ายได้ 3 เท่า สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าจ้างของเดือน เม.ย.-ก.ค.63 ให้แก่ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนและได้รับค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน

นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกที่ดี กรณียื่นแบบ ภ.พ.30 ทางอินเทอร์เน็ตจะได้รับคืนภายใน 15 วัน ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากอัตราร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 0.1 ของค่าจ้าง รวม 3 เดือน

การเสริมความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทยเพื่อเศรษฐกิจฐานรากถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการให้พี่น้องประชาชนได้สิทธิหักเพิ่มวงเงินการลดหย่อนภาษีกองทุน SSF มาตรการส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก การอบรมช่วยเหลือผ่านแพลตฟอร์มให้ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าสู่ตลาดได้มีการเตรียมความพร้อม และเปิดกระดานเทรดที่ 3 สำหรับสตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอี เป็นการเฉพาะ

“ซึ่งมาตรการต่างๆ สามารถทำได้จริงและมีผลทันที ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการมั่นใจการดูแลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล อยากขอให้พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั้งหลาย และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีกำลังซื้อช่วยกันจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยกันประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งขอเชิญชวนภาคการเมือง ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก้าวข้ามการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปได้ด้วยดี สุดท้ายนี้ ตนขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่นำเสนอ 6 มาตรการให้รัฐบาลเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ซึ่งตนขอยืนยันว่าหลายข้อรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ อาทิ การแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากาก การใช้มาตรการป้องกันที่เข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกฟรีวีซ่าประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ และอิตาลี รวมถึง ทอท.เปิดโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต กว่า 100 ห้อง รับนักท่องเที่ยวต่างชาติกักตัว 14 วัน และอื่นๆ

นอกจากนี้ ท่านอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้สั่งการให้ธนาคารออมสินผลิตและแจกจ่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ ชนิดขวดขนาด 25 ml. จำนวน 1 ล้านชิ้น ให้แก่พี่น้องประชาชนผ่านสาขาของธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในเดือนมีนาคมนี้จนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์” นายชาญกฤช กล่าว


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่