นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เร่งไปตรวจดูความพร้อมของระบบการคืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาให้กับประชาชนทั่วไปและเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ทั้งในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คิดเป็นวงเงินถึง 32,700 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ได้รับสิทธิถึง 22.17 ล้านราย
“เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมระบบรองรับให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะคาดว่าจะมีปริมาณผู้ยื่นขอจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ขอผ่านแอพลิเคลั่น เวปไซด์ และระบบออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งการไฟฟ้าจะต้องอำนวยความสะดวกประชาชนให้ได้รับเงินคืนเร็วที่สุด ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนช่วงเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19”
ทั้งนี้ กกพ.ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์เรื่องการคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก พ.ศ.2563 แล้ว โดยกฟน.และกฟภ.จะเปิดให้ประชาชนตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2563 นี้ ตามช่องทางที่กำหนดไว้และเริ่มทยอยคืนเงินให้ประชาชนตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป
นายสนธิรัตน์ เชื่อว่า มาตรการคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากตลอดช่วงเดือนเมษายน สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยสินค้าหรือเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ส่วนจำนวนเงินมากหรือน้อยนั้นขึ้นกับวงเงินที่วางประกันหรือขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าตามประกาศของกกพ. เช่น ถ้าเป็นระดับครัวเรือน เงินคืนก็อยู่ตั้งแต่ 300-6,000 บาท ส่วนประเภทกิจการขนาดเล็กนั้นตัวเลขเงินคืนจะเป็นหลักหมื่นบาทขึ้นไป เป็นต้น