กลายเป็นเรื่องจนได้เมื่อนายต่อตระกูล ยมนาค โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า งานบรรยาย เรื่อง ตรวจสอบการโกงทุจริตคอร์รัปชัน ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ เบื้องหน้าเบื้องหลังต่อสัญญา ซิโน-ไทยฯ สร้างรัฐสภา ได้เป็นรอบที่ 4 เพิ่มอีก 674 วัน งบงอกบานปลาย ที่มีวิทยากรคือ วิลาศ จันทร์พิทักษ์ วัชระ เพชรทอง และศรีสุวรรณ จรรยา
ต้องยกเลิกไป
เพราะงาน มีชื่อของ “ซิโน-ไทยฯ” ปรากฏอยู่แต่กลับงุบงิบจัดงาน ไม่บอกให้ฝ่าย “ซิโน-ไทยฯ” รู้
กระทั่งประกาศยกเลิก เรื่องจึงแดงเข้าหู “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ที่โต้ตอบผ่านเฟซบุ๊ค ทันทีว่า
“จริงๆแล้ว กรุณาอย่ายกเลิกเลยครับ จัดเถอะแต่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องคือ ชิโนไทย รัฐสภา ผู้ออกแบบ และผู้ควบคุมงานไปร่วมขึ้นเวทีด้วย หรือจะให้ผมไปร่วมด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ ประชาชนทั่วไปจะได้เข้าใจความเป็นมาให้ชัดเจนเสียที การจัดแบบฝ่ายเดียวเช่นนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมนะครับ
อาจารย์ต่อตระกูล ยมนาค เราก็มีความเคารพนับถือกันมาตลอด เกลียดการโกงบ้านเมืองเหมือนกัน ไปออกเวทีร่วมกันต้านคนโกงด้วยกันในอดีตหลายหน ทำไมเที่ยวนี้ไม่เชิญทุกฝ่ายครับ ขอความกรุณาอาจารย์อย่ายกเลิกครับ ควรต้องให้มีรายการนี้ต่อไป เพื่อความเป็นธรรมครับ”
แน่นอนว่าฝ่ายซิโน-ไทยฯ ที่มั่นใจในความโปร่งใสของตน หวังใช้เวทีนี้ แก้ความเข้าใจผิดของสังคมในประเด็นสำคัญคือ
การต่อสัญญา ที่หลายฝ่ายสงสัยว่า เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหมุนเงินหนุนพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งฝ่ายเอกชน ออกมาเปิดเผยแล้ว ว่า เป็นความจำเป็น และไม่ใช่ความล่าช้าอันเกิดจากซิโน-ไทยฯ
เรื่องของเรื่องมาจากสภา ส่งพื้นที่เลยเวลาที่กำหนด ด้วยเพราะติดปัญหาการเวนคืนที่ทั้งโรงเรียน และชุมชน ในละแวกนั้น
ทั้งนี้ การก่อสร้างที่ล่าช้า ส่งผลให้ฝ่ายเอกชนต้องจ่ายค่าคนงาน ค่าดำเนินการระหว่างรอก่อสร้าง ตกเป็นเงินวันละประมาณ 12 ล้านบาท ที่ยังไม่รู้ว่าฝ่ายสภา จะเข้ามารับผิดชอบตรงนี้หรือไม่
ตามมาด้วยเรื่องที่จอดรถที่มีข่าวว่าปรับแบบจาก 3,000 คัน เหลือ 2,000 คัน ที่สังคมมองว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายซิโน-ไทยฯ ในการกินส่วนต่าง แต่ความเป็นจริงคือ ซิโน-ไทยฯ ไม่ได้รับผิดชอบในการก่อสร้างดังกล่าว
เช่นเดียวกับมูลค่าของระบบไอซีที ที่พุ่งจาก 3 พันล้านบาท เป็น 8 พันล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี และสังคมก็มองว่า “ซิโน-ไทยฯ” รอรับผลประโยชน์อีกแล้ว
ทั้งที่ เป็นการประเมินราคาของบริษัท “เมอร์รีน โซลูชัน อินเตอร์เนชันแนล” ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของสภา และ“ซิโน-ไทยฯ” หาได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และปฏิเสธเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นการเมืองที่ “บางคน” ซึ่งมีชื่อในวงบรรยาย อ้างว่า เคยได้รับการขอร้องส่งต่อจาก “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ให้หยุดแฉเรื่องโกงสภาใหม่ ซ้ำร้ายบุคคลเดียวกัน ยังอ้างต่อว่า ไม่ใช่เพียงแต่นายอนุทินขอ แต่ “นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล” ยังเคยต่อสายมาขอให้จบเรื่อง
จึงไม่น่าแปลกใจที่ฝ่าย “ซิโน-ไทยฯ รอโอกาสในการส่งสารสู่สังคม เมื่อโอกาสมาถึง พร้อมกับหวังโต้กลับ “บางคน” แบบแรงๆ อันนำมาซึ่งความเสียใจ เมื่อรู้ว่างานถูกยกเลิก
อย่างไรก็ตาม ดั่งสวรรค์โปรด เพราะล่าสุด นายต่อตระกูลโพสต์อัพเดทความคืบหน้า
“ด่วน ตอนบ่าย2 สมาคมนักข่าว กลับตัว
ยอมให้กลับมาจัดบรรยายรายงานการตรวจสอบทุจริต ได้แล้ว
หลังให้งดรายการกระทันหันตอนเช้า แจ้งเหตุว่าไม่มีเจ้าหน้าที่และแม่บ้าน จะเปิดห้องให้ได้
เกิดกระแส งุนงง ฝีมือใครจะยั้งจัดบรรยายทุจริต !!!!!!!!!”
แน่นอนว่านายอนุทิน และพลพรรค “ซิโน-ไทยฯ” ต้องไปปรากฏตัวที่งานนี้แน่นอน เพื่อให้บางคน และสังคมเข้าใจ “ความจริง” ก่อนจะใช้เรื่องสภาใหม่โจมตีกันไปมากกว่านี้
ดังนั้น งานบรรยาย ตรวจสอบการโกงทุจริตคอร์รัปชัน ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่
เบื้องหน้าเบื้องหลังต่อสัญญา ซิโน-ไทย สร้างรัฐสภา ได้เป็นรอบที่ 4 เพิ่มอีก 674 วัน งบงอกบานปลาย ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ ที่ 31 มีนาคม ที่สมาคมนักข่าวฯ ห้องประชุมชั้น2 ถนนสามเสน
จึงไม่ใช่แค่งานบรรยายทางการเมืองธรรมดา ธรรมดาอีกต่อไป
เพราะเป็นครั้งแรกที่ “ซิโน-ไทยฯ” จะได้พบกับ “ฝ่ายการเมือง” ที่ให้ข่าวกระเทือนภาพลักษณ์บริษัท ในห้องแคบๆ
หนีไปไหนไม่ได้ ยกเว้นว่าฝ่ายผู้กล่าวหา จะ “ชิ่ง” ไม่มาร่วมงานเสียก่อน
Ringsideการเมือง