ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยกับทีมข่าวริงไซด์การเมือง กรณีที่มีข้อเสนอให้มีการลงสัตยาบัน ในการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก ว่า
การให้ ส.ส.จับมือกันเอง ไม่เพียงพอต่อการเข้ามาของนายกฯคนนอก เพราะหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองไม่สามารถกำหนดผลการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เพียงฝ่ายเดียวแต่ยังมี ส.ว. อีก 250 คน ที่เข้ามามีบทบาทในสภาตั้งแต่การเลือกรอบแรก ในฐานะของผู้โหวต ซึ่งการที่จะเป็นนายกฯจากบัญชีรายชื่อ จำเป็นต้องได้เสียงในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่ง การพูดคุยกับ ส.ว. จึงมีความสำคัญมาก ถ้าสภาไม่เอาด้วย โอกาสไปถึงชั้นนายกรัฐมนตรีคนนอกมีสูง โดย ส.ว. จะมีโอกาสเสนอชื่อใครก็ได้มาเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี
“ต้องมีการทำสัตยาบัน หากฝ่ายการเมืองรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.ต้องยกมือให้ เป็นการเคารพเสียงของประชาชน เท่านี้บ้านเมืองก็เดินต่อไปได้แล้ว การทำสัตยาบันกับ ส.ว. จะทำให้ประเทศได้นายกฯคนในจริงๆ ไม่ใช่เพียงการหาเสียง”
ดร.สติธรกล่าวต่อว่า ลำพังการจับมือเฉพาะพรรคการเมือง เพื่อปฏิบัติภารกิจต้านนายกฯคนนอก ผลลัพท์ที่ได้ สูงสุดอาจฝ่าด่านอรหันต์ สามารถรวมเสียงได้ถึง 376 เสียง สร้างกระแสต้านนายกฯคนนอกชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
