นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อกลุ่มหนึ่งพาดพิง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า
การนำเสนอข่าวดังกล่าวปราศจากข้อมูลข้อเท็จจริง มุ่งประเด็นไปที่การโจมตีนายอนุทิน มากกว่า หากสื่อดังกล่าวยังไม่ยุติการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายคงต้องออกมาชี้แจง และ อาจจะต้องดำเนินคดีตามกฏหมาย เพราะถือเป็นการจงใจใส่ร้ายให้เกิดความสียหายกับบริษัทและผู้ที่ถูกกล่าวถึง ดังนั้นในฐานะสื่อต้องเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวทั้ง ผู้บริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีโอกาสชี้แจงถึงประเด็นที่ถูกโจมตี
ทั้งนี้เท่าที่ทราบ นายอนุทิน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงานในบริษัท ซิโน-ไทยฯนานแล้ว ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันเป็นเพียงผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่การที่สื่อนำข้อมูลอันเป็นเท็จและจับมาโยงโดยไม่มีการตรวจทานหรือมีความตั้งใจ ที่จะสร้างกระแสโจมตี น่าจะมีแรงจูงใจทางการเมืองมาก
เป็นที่คาดกันว่าในการเลือกตั้งที่จะถึง พรรคภูมิใจไทย น่าจะเป็นพรรคการเมืองอันดับ 3 ที่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต จำเป็นที่จะต้องโจมตีหรือในภาษาการเมืองเรียกว่าเตะตัดขา พรรคภูมิใจไทย ในยุคที่มีนายอนุทินเป็นหัวเรือใหญ่นั้นมีบทบาทและมีความพร้อม รวมทั้งมีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน ในแวดวงการเมืองจึงจำเป็นต้องเร่งสกัดการเติบโต
นาย ศุภชัย กล่าวต่อว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าว หากสื่อมีวาระซ่อนเร้น มีนัยยะแอบแฝง มาตีแผ่เพื่อหวังผลประโยชน์บางส่วน หรือหากมองในทางการเมือง อาจจะมีความพยายามเตะตัดขา พรรคภูมิใจไทย เพราะในความสด และความพร้อมของพรรคภูมิใจ มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนั้นการสาดโคลนใส่ให้ตัวนายอนุทินเปื้อนจะเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า การดำเนินการเช่นนี้ของสื่อเป็นการนำสื่อกลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์ เพือหวังผลประโยชน์หรือไม่
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดกับสื่อมาตลอด ก็ได้แต่หวังว่า อย่าทำเลย เพราะจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของสื่อมากกว่า อย่าเอาสื่อมาแสวงหาประโยชน์เพราะรูปแบบนี้ มันเก่าแล้ว มันเสียหายและกำลังทำลายสื่อทั้งระบบ
