สำเร็จยาก ! “จตุพร” ทำนายอนาคต “ก้าวไกล”
ตั้งรัฐบาล โจทย์มหาหินรวม 376 เสียง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “นับจากนี้ไป คือ?” โดยเสนอให้พรรคก้าวไกลลากพรรคร่วมตั้งรัฐบาลรวม 309 เสียงกางเอ็มโอยูสาบานปฎิญาณตัว ลับหลังไม่ทิ้งหนี หรือแปรพักตร์ไปอยู่อีกฝ่ายให้ฉิบหายหมดสิ้น พร้อมเตือนการเมืองไทยเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ เพราะหน้าฉากกับหลังฉากแตกต่างกันสิ้นเชิง
นายจตุพร กล่าวถึงผลเลือกตั้งปี 2566 ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อธิบายได้หลายอย่าง อีกทั้งมีบทเรียนมากมาย รวมถึงทักษิณ ชินวัตร ได้ถึงเวลาพูดในวันที่ 16 พ.ค.นี้ คงต้องจับตาดู ส่วนการเมืองเชิงตัวเลขแล้ว มีผู้มาใช้สิทธิ 39 ล้านคน คิดเป็น 75% ของทั้งหมด 52 ล้านคน ผลออกมาล่าสุดใน 6 อันดับแรกคือ พรรคก้าวไกลได้ 152 เพื่อไทย 141 ภูมิใจไทย 70 พลังประชารัฐ (พปชร.) 39 รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 36 และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 25 เสียง
นอกจากนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ แถลงตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก 309 เสียง ด้วยรวบรวมจากพรรคฝ่ายค้านเดิมประกอบด้วย ก้าวไกล 152 เสียง เพื่อไทย 141 ประชาชาติ 9 ไทยสร้างไทย 6 เสรีรวมไทย 1 และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง
อย่างไรก็ตาม ถ้า รธน.ที่ปฏิบัติกันตามปกติแล้ว นายพิธา ต้องได้เป็นนายกฯ แต่ รธน. 2560 บังคับให้ ส.ว. 250 ร่วมลงมติเลือกนายกฯ ด้วยเหตุนี้เสียงรัฐบาลใหม่ 309 จึงไม่พอให้ชนะการเลือกนายกฯ ซึ่งใช้เสียง 376 จากทั้งหมด 750 เสียง จึงจะได้เป็นนายกฯ ดังนั้น ด่านแรกจึงสำคัญ พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ต้องหาเสียงเพิ่มประมาณ 70 เสียง หากนำพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียง 70 มาร่วมย่อมชนะขาดทันที แต่คงเป็นไปยาก สิ่งนี้จึงเป็นด่านแรกที่ต้องฝ่าฟัน
“ส่วนท่าทีของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกฯ ล่าสุด ส.ว.บางคนเสนอให้ ส.ส.ไปรวมเสียงให้เกิน 375 ก่อน แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมที่มาตั้งรัฐบาลใหม่คงหามารวมได้ยาก เพราะติดขัดจุดยืนทางการเมืองที่สัญญากับประชาชนไว้ ดังนั้น การตั้งรัฐบาลจึงเป็นศิลปะของผู้นำที่ต้องผสมส่วนรัฐบาลไปนำพาการบริหารประเทศ”