นายสมชาย เสียงหลาย ส.ว. กล่าวถึงการติดตามจัดตั้งรัฐบาล
ของพรรคก้าวไกล ที่ขณะนี้พบว่ายังมีข้อขัดแย้ง ว่า
ตนเชื่อว่า ส.ว. รวมถึง ฝ่ายผู้แทนราษฎร ปรารถนาอยากเห็นการดำเนินการทางการเมืองคืบหน้าและเป็นประโยชน์กับประชาชน
และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการรับรองผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังนั้นพรรคการเมืองซึ่งรวมกันเป็นเสียงข้างมากได้ ต้องแสดงท่าทีว่า มีแนวทางจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ซึ่ง ส.ว. โดยข้างมาก ได้ศึกษา และพิจารณาว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่ชอบตามกฎหมาย ส่วนที่มีผู้เห็นแตกต่างเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปได้
“เราสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลที่ถูกต้องและเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย และต้องดูเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย ทั้ง คุณสมบัติ และเรื่องต่างๆ ว่าเป็นไปตามเกณฑ์ รวมถึงต้องตรวจสอบความชอบหรือไม่ชอบของบุคคลที่จะเสนอให้ดำรงตำแหน่งหรือไม่ ต้องนำมาพิจารณาประกอบกัน ในภาพรวมของส.ว. ส่วนตัวผมตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่คิดว่าอยากให้ดำเนินการไปในทิศทางที่เหมาะสม การตัดสินใจนั้นจะเป็นไปด้วยความเคารพ ตามเอกสิทธิของบุคคล และสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญกำหนด” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่าต้องยอมรับว่าคะแนนเลือกตั้งที่ออกมาไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ดังนั้นต้องเคารพประเด็นที่แต่ละพรรคการเมืองนำเสนอต่อสาธารณะ ว่ามีเรื่องใดที่ต้องเห็นเป็นข้างมาก สมมติพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียง 14.4 ล้านเสียง กับอีกประเด็นหนึ่งที่มีประเด็นล่อแหลม ส่วนพรรคอื่นๆ ได้คะแนนรวมกัน 27 ล้านเสียง ดังนั้นต้องนำ2อย่างมาชั่ง ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวปรากฎในบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ที่แต่ละพรรคการเมืองเห็นร่วมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางประชาธิปไตย ดังนั้นในขั้นตอนต่อไป ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงกรณีที่กาารจัดตั้งรัฐบาล พบว่านำตำแหน่งประธานสภาฯ มาเกี่ยวข้อง นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่ได้พิจารณาจนกว่าจะเห็นข้อเสนอที่เป็นธรรม หากมีรูปธรรมต้องตัดสินใจในวันที่ตัดสิน ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่กล้าตัดสินใจ ส่วนเรื่องของการโหวตนายกฯ ส.ว. ไม่ได้พูดคุยกัน เนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ที่ทุกคนที่ต้องดูภาพวันจริงว่าใครเป็นแคนดิเดต ให้เลือกเป็นนายกฯ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ เป็นเรื่องของจินตนาการ ที่เกิดขึ้นจากการนำเสนอ
เมื่อถามว่า คนที่ประกาศตัว อย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่ใช่ตัวจริงหรือ นายสมชาย กล่าวว่า “เป็นแค่ข้อเสนอของคุณพิธา ที่ identify ตัวเองว่าได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริง ซึ่งเหมือนกับเมื่อวานที่เอฟซีพรรคเพื่อไทย ยื่นข้อเสนอให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ดังนั้นไม่รู้ข้อสรุปว่าข้อเท็จจริงจะออกมาในรูปแบบไหน”
