ไม่วางมือ ! เข้าใจทุกเบื้องหลัง “บิ๊กตู่” ทำไมยัง “สู้ไม่ถอย”
รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์รูปและเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ
“บิ๊กตู่สู้ต่อ ไม่วางมือทางการเมือง!” ระบุบางช่วง บางตอน ว่า
แม้จะมีความเสี่ยงทั้งเรื่องดีลข้ามขั้ว หุ้นสื่อและเสียงโหวตจาก ส.ว. แต่กระบวนการฟอร์มรัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย ก็ดำเนินต่อไป ทว่า ฝ่ายรัฐบาลรักษาการณ์ประยุทธ์ ก็ยังอยู่ในอำนาจต่อไปเช่นกัน
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้วิเคราะห์ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการมองไปที่กฎกติกาตามกรอบรัฐธรรมนูญที่ยังมีอีกหลายด่านหลายขั้น และ “The Ruling Game” ซึ่งนักการเมืองกำลังวางแผนโยกหมากกันไปตามจังหวะเวลากันอยู่
กระนั้นก็ดี สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ภูมิหลัง แนวคิดการเมืองและลักษณะการต่อสู้ของตัวพลเอกประยุทธ์เองที่ปกครองรัฐไทยมานานราวเก้าปีเศษแล้ว
Argument ของผม ก็คือ พลเอกประยุทธ์น่าจะตัดสินใจต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต่อไปเพราะเขามี “หัวใจสีม่วง” และ “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี”
หัวใจสีม่วงมาจากเครื่องหมายเชิดชูเกียรติทหารเสือราชินี
สัญลักษณ์เครื่องหมายของทหารเสือราชินี ประกอบด้วย
1. หัวใจสีม่วงประดับพระนามาภิไธยย่อ สก. หมายถึง ผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจ ทั้งนี้เพราะผู้ที่ใกล้ตาย หัวใจจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง ในห้วงนั้น บุคคลผู้นั้นจะไม่พูดปดหรือปิดบังสิ่งใด จึงเปรียบเหมือนกับคนที่มีจิตใจซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่างแรงกล้า
2. เสือประคองหัวใจสีม่วง หมายถึง กำลังพลทหารเสือราชินีทุกนายที่ซื่อสัตย์ สุจริต และจงรักภักดีใต้เบื้องพระยุคลบาท
3.ภูเขา เกลียวคลื่น ก้อนเมฆ หมายถึง ทหารเสือทุกนายพร้อมจะดั้นด้นไปทุกแห่งหนในทุกภูมิประเทศเพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของชาติและองค์พระมหากษัตริย์
องค์ประกอบเหล่านี้นี่เองที่หล่อหลอมความเป็นตัวตนของพลเอกประยุทธ์ซึ่งทำให้เขาพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบกับกลุ่มการเมืองที่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนั้น ในเนื้อเพลง “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” ซึ่งพลเอกประยุทธ์ชื่นชอบเป็นพิเศษและมักสั่งให้เปิดเพลงนี้เพื่อปลุกใจกำลังพลและเหล่าข้าราชการ ก็สะท้อนบุคลิกลักษณะของพลเอกประยุทธ์ได้ชัดเจน เนื้อเพลงที่ขึ้นต้นด้วย
“…เกิดบนแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ในศรัทธา ภูมิพลพระราชา เทิดฟ้าพระราชินี…..” และก็ลงท้ายด้วย “…จะอยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี หนึ่งชีวิตนี้ ขอยอมพลีไม่เสียดาย ใจที่จงรักจะยืนหยัดอย่างท้าทาย ใครจ้องทำลาย เราพร้อมจะยอมตาย เราไม่ยอม…”
ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าพลเอกประยุทธ์จะสู้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อปกป้องไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
เรื่อง “หัวใจสีม่วง” และ “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” ล้วนสะท้อนผ่านลีลาการปราศรัยหาเสียงของพลเอกประยุทธ์ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติหลายๆ ครั้ง
เขาเคยพูดว่าเขามีหัวใจสีม่วง และต่อสู้มานานแล้วและพร้อมที่จะสู้ต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้านี่คือตัวตนที่ชัดเจนที่สุดของพลเอกประยุทธ์
ผมคิดว่าเราก็พออนุมานต่อได้ว่า ถ้ายังมีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ถ้ายังมีการโจมตีกองทัพ (ที่พลเอกประยุทธ์เชื่อว่าเป็นเสาหลักที่ค้ำยันความมั่นคงชาติและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์)
เมื่อนั้น พลเอกประยุทธ์ก็คงพร้อมที่จะสู้ต่อไปอยู่ ส่วนพลเอกประยุทธ์จะสู้ในฐานะนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลรักษาการณ์ หรือจะสู้ในฐานะคีย์แมนคนสำคัญของรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่อาจถูกตั้งขึ้นมาแข่งกับฝั่งก้าวไกล-เพื่อไทย
จะสู้ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือจะสู้ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือจะสู้ในฐานะอะไรก็ตามแต่ พลเอกประยุทธ์ก็คงต้องขับเคลื่อนกลยุทธ์อย่างเต็มที่เพื่อรักษาประคับประคองอำนาจสืบต่อไป
ชัยชนะของพรรคซ้ายจัดอย่างก้าวไกลที่มีเหนือพรรคขวาจัดอย่างรวมไทยสร้างชาติแบบถล่มทลาย บวกกับการปักธงของก้าวไกลเรื่องปฏิรูปกองทัพและสถาบันกษัตริย์ที่สำเร็จลงแล้ว
ล้วนทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจสีม่วงของพลเอกประยุทธ์ แต่หลังศึกเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์กลับไม่เคยประกาศยอมแพ้และวางมือทางการเมือง เกิดอะไรขึ้นกับท่าทีของพลเอกประยุทธ์
จริงแล้ว ในเชิงอุปมาอุปไมย หัวใจสีม่วงเป็นเรื่องของคนใกล้ตายที่หัวใจจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง แต่หลังจากนี้ไป พลเอกประยุทธ์คงต้องสลับสีจากม่วงกลับไปเป็นแดงก่อนเพื่อยืดเวลาการตาย
เพราะเขาคิดว่ายังต้องสู้กับศัตรูต่อไปอีก จึงยังตายไม่ได้ โดยระหว่างกระบวนการแปลงกลับนี้ เราอาจได้เห็น “The Ruling Game” และยุทธศาสตร์ยุทธวิธีการเมืองต่างๆที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากฝั่งพลเอกประยุทธ์เป็นระยะตามขนบธรรมเนียมที่ว่ากันว่า “ทหารเก่าไม่เคยตาย” หรือ “Old Soldiers never die” นั่นเอง