เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการสำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนตระหง่านในฐานะแกนนำพรรค ขณะที่ ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อธิการวิทยาลัยบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ในรัฐพลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดตั้งพรรค
ล่าสุด Ringsideการเมือง มีโอกาสพูดคุยกับนักวิชาการ ถึงการร่วมงานกันของนายสุเทพ และ อ. เอนก ว่าสุดท้ายแล้ว การจับมือกันของทั้งคู่ ต่างฝ่าย ต่างคาดหวังอะไรจากอีกฝ่าย
รศ. สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม. รามคำแหง ระบุว่า “ถ้าคุณสุเทพไม่เล่นการเมือง จะให้เขาไปทำอะไร ที่สำคัญงานนี้ คสช. แพ้ไม่ได้ ใครเข้ามาหนุน คสช.ก็ทุ่มให้เต็มที่ คุณสุเทพเห็นช่องก็ตั้งพรรคขึ้นมาช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป วิน วิน กันทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับ อ.เอนก ท่านเป็นคนร้อนวิชา ศึกษาเรื่องการปฏิรูป ทำงานด้านการปฏิรูปมาร่วม 20 ปี แต่ยังมองไม่เห็นความเป็นรูปธรรม พอเห็นโอกาสจากการเข้ามาของกลุ่มนายสุเทพ ที่พูดเรื่องปฏิรูปมานาน ก็ลองของเสียหน่อย เพราะอยู่ที่เดิม ก็น่าจะเสียเวลาเปล่า
ส่วนการตั้งพรรค ก็เพื่อให้เข้าไปอยู่ในสภา สามารถขับเคลื่อนได้เป็นชิ้นเป็นอัน ลองถ้าไม่มีพรรคอยู่ในสภา ก็ต้องฝันกลางวันกันไปก่อน
สำหรับฐานเสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ตอนแรกมองไปที่ฐานเสียงภาคใต้ แต่เอาเข้าจริงพอหมดช่วงการชุมนุม คนกลุ่มนี้ก็กลับไปเลือกประชาธิปัตย์เหมือนเดิม
มาตอนนี้ น่าจะมองไปที่ฐานเสียง กปปส. ที่กรุงเทพ และหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก ทำนายลำบากว่าจะได้เข้ามากี่เสียง”
ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวว่า “เป็นอารมณ์นอนเตียงเดียวกันฝันคนละอย่าง
คุณสุเทพ ก็หวังจะเข้ามามีบทบาททางการเมือง เพราะเชื่อว่า คสช. ต้องช่วยทุกคนที่เข้ามาช่วย คสช. และต้องช่วยจนชนะด้วย
สำหรับ อ.เอนก เห็นฐานเสียงคุณสุเทพ เห็นคำพูดของคุณสุเทพ โดยเฉพาะเรื่องปฏิรูป มันก็ดึงดูดท่าน ให้เข้าไปร่วมงานด้วย
เห็นไหมครับ 2 คนนี้ คิดต่างกันแล้ว คนหนึ่งอาจจะหวังอำนาจ คนหนึ่งอาจจะหวังเห็นการปฏิรูป
ในเชิงความสำเร็จ โดยส่วนตัวหากต้องการให้พรรคนี้ เป็นสถาบันที่มีจุดขายเพื่อการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ไม่ควรเร่งกระโดดเข้ามาในสนามเลือกตั้ง เพราะมันดูเป็นกลุ่มแสวงหาอำนาจ มากกว่ามุ่งเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น
กลับกัน ถ้ามีความตั้งใจจะยกระดับประเทศนี้ ควรจะมีเวลาไปศึกษาปัญหาของประเทศก่อน ว่าควรจะเริ่มแก้ไข ตรงจุดไหนก่อน ควรจะทำอย่างไร นำมาเสนอนโยบายให้ชัดเจน พร้อมไปกับให้สังคมได้ตกผลึกทางความคิด แล้วค่อยไปลงเลือกตั้งในอนาคต
ส่วนตัวนึกเป็นห่วง อ.เอนก กลัวจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนบอบช้ำในที่สุด”
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง วิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต ทิ้งท้ายว่า
“อ.เอนกท่านมีความฝันในการพัฒนาชาติไทยมานาน ที่ผ่านมาก็พยายามทำหลายอย่าง แต่มันไม่สำเร็จ ล่าสุด เกิดพรรคของคุณสุเทพ ก็ไปเข้าร่วม ทั้งนี้ ผมจะไม่มองว่าใครจะได้ ใครจะเสียอะไร แต่ผมจะมองการจับมือกันระหว่าง อ.เอนก กับนายสุเทพ ที่อาจจะส่งผลที่สำคัญคือ อ.เอนก เป็นคนที่สามารถเข้าได้กับทุกฝ่าย มีภาพลักษณ์นักวิชาการ ที่ค่อนไปทางสันติ
การที่ อ.เอนก มาร่วมกับคุณสุเทพ ในการตั้งพรรค ก็น่าจะทำให้พรรคต้องคิดหนักเวลาต้องออกมาเล่นเกมนอกสภา
แต่ลึกๆ แล้วรู้สึกเป็นห่วง ว่าท่านจะจัดการกลุ่ม กปปส. ได้ขนาดไหน เพราะท่านก็ตัวคนเดียว
และโลกการเมืองสมัยใหม่ มันขัดแย้งกันรุนแรง ล่าสุด ทั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคอนาคตใหม่ต่างฝ่ายต่างก็โดนรับน้องกันหนักมาก”
มีแต่เสียงเป็นห่วง อ.เอนก
นับจากนี้ต้องลุ้นกันว่า อ.เอนก กับนายสุเทพ จะนำพาพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไปทางไหน
Ringsideการเมือง