ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ประจำสถาบันพระปกเกล้า เขียน FB เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างชาติที่ไปบอลโลก กับชาติที่ไม่ได้ไปบอลโลก ภายใต้หัวข้อ “ประชาธิปไตยกับการไปฟุตบอลโลก” ว่า
ในฐานะประชากรของประเทศที่ทีมฟุตบอลทีมชาติไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย คงทำได้แค่เชียร์ทีมชาติอื่นๆ ผ่านจอทีวีที่รัฐบาลใจดีช่วยหาเอกชนไปซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดให้ดูกันแบบฟรีๆ
เรื่อง “ไปบอลโลก” ถือเป็นความฝัน ความหวังของคนทุกชาติ แต่ไม่ใช่ทุกชาติจะได้ไปบอลโลก อย่างเช่นปีนี้มีแค่เจ้าภาพกับอีก 31 ทีมที่ผ่านรอบคัดเลือกไปสู่บอลโลกรอบสุดท้ายได้
ทำไมประเทศเหล่านี้ถึงได้ไปบอลโลก? เป็นเพราะรัฐบาลของเขาทุ่มทุน หรือเป็นเพราะคนในประเทศเหล่านั้นเขาอยู่ดีกินดี หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น …แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับ “ประชาธิปไตย” ไหม?
ผมลองหาคำตอบพวกนี้ จากข้อมูลตัวเลขที่พอหาได้และได้คำตอบว่า
รัฐบาลของประเทศที่ได้ไปบอลโลกเป็นพวกมือเติบ
เมื่อนำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศที่ได้ไปบอลโลก (31 ประเทศไม่นับเจ้าภาพ) เปรียบเทียบกับประเทศที่ไม่ได้ไป ปรากฏว่า ประเทศที่ได้ไปบอลโลกใช้จ่ายเงินงบประมาณโดยเฉลี่ยปีหนึ่งๆ มากกว่าประเทศที่ไม่ได้ไปบอลโลกเกือบ 3 เท่า
ประเทศมือเติบที่สุดที่ได้ไปบอลโลก คือ ญี่ปุ่น (รัฐบาลใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีราว 190,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ประเทศมือเติบน้อยที่สุดที่ได้ไปบอลโลก คือ เซเนกัล (รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณประจำปีต่ำกว่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐเล็กน้อย)
- คนในประเทศที่ได้ไปบอลโลกมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ
เมื่อการนำรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี (GDP per capita) ของประชากรในประเทศที่ได้ไปบอลโลก (31 ประเทศไม่นับเจ้าภาพ) เปรียบเทียบกับประเทศที่ไม่ได้ไป ปรากฏว่า คนในประเทศที่ได้ไปบอลโลกโดยเฉลี่ยมีรายได้ต่อปีสูงกว่าคนในประเทศที่ได้ไปมากกว่า 2.5 เท่า
ประเทศที่คนมีรายได้ต่อปีสูงที่สุดที่ได้ไปบอลโลก คือ สวิตเซอร์แลนด์ (คนมีรายได้ต่อปีมากกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐ)
ประเทศที่คนมีรายได้ต่อปีต่ำสุดที่ได้ไปบอลโลก คือ เซเนกัล (คนมีรายได้ต่อปีมากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐเพียงเล็กน้อยเท่านั้น)
- ประเทศที่ได้ไปบอลโลกเป็นประชาธิปไตยมากกว่า
เมื่อเปรียบเทียบระดับความเป็นประชาธิปไตย น่าสนใจว่า จากคะแนนเต็ม 10 ประเทศที่ได้ไปบอลโลกมีคะแนนระดับความเป็นประชาธิปไตยโดยเฉลี่ยสูงกว่าประเทศที่ไม่ได้ไปเกือบๆ 2 คะแนน
ประเทศที่มีคะแนนระดับความเป็นประชาธิปไตยสูงที่สุดที่ได้ไปบอลโลก คือ ไอซ์แลนด์ (คะแนนระดับความเป็นประชาธิปไตย = 9.58)
ประเทศที่มีคะแนนระดับความเป็นประชาธิปไตยต่ำที่สุดที่ได้ไปบอลโลก คือ ซาอุดิอาระเบีย (คะแนนระดับความเป็นประชาธิปไตย = 1.93)
คำถามที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ระหว่างรัฐบาลมือเติบ คนในประเทศรายได้ดี และระดับความเป็นประชาธิปไตย ปัจจัยข้อไหนที่มีผลต่อการได้ไปบอลโลกมากกว่า
น่าตื่นเต้นเล็กๆ การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ 3 ตัวแปรนี้กับการไปบอลโลก/ไม่ได้ไป ทำให้ได้คำตอบว่า ระดับความเป็นประชาธิปไตยมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการได้ไปบอลโลก ในขณะที่งบประมาณรายจ่ายต่อปีของรัฐบาลและรายได้ต่อหัวประชากรไม่มีผลอะไร
พูดให้ชัดขึ้นอีกหน่อย ตัวเลขจากการคำนวณด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์ มันบ่งชี้ว่า…ระดับความเป็นประชาธิปไตยที่เพิ่มขึ้น 1 คะแนน หมายถึงโอกาสไปบอลโลกที่เพิ่มขึ้น 1.39 เท่า
ถ้าเป็นเช่นนี้… อย่างประเทศไทย ถ้าฝันไกลถึงไปบอลโลก การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล หรือการทำให้คนมีรายได้ต่อปีสูงขึ้น เท่าไหร่ก็ไม่มีความหมาย แต่ถ้าเพิ่มคะแนนระดับความเป็นประชาธิปไตยจากตอนนี้ที่มีอยู่ 4.63 ไปให้เท่าหรือใกล้เคียงกับไอซ์แลนด์ที่ปีนี้ได้ไปบอลโลกหรือเพิ่มอีกประมาณ 5 คะแนน โอกาสที่ไทยจะได้ไปบอลโลกจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 5 เท่าของที่เป็นอยู่
ข้อมูลต้นฉบับ : https://www.facebook.com/notes/stithorn-thananithichot/ประชาธิปไตยกับการไปฟุตบอลโลก/1703277273043183/
ขอบคุณรูปภาพ : waarmedia.com