“วันชัย” เตือน “รัฐบาล-ฝ่ายค้าน” แก้ไข รธน. เป็นรายมาตราดีกว่า ประหยัดทั้ง “เงิน-เวลา” ชี้ ทำประชามติ ตั้ง ส.ส.ร. แก้ทั้งฉบับ ต้องใช้งบเกือบ 2 หมื่นล้านบาท
27 ก.ย.2566 – นายวันชัย สอนศิริ สว. และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล กล่าวว่า คณะทำงานชุดนี้ ติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ติดตามการเคลื่อนไหวต่อการแก้รัฐธรรมนูญทุกเรื่องทุกประเด็นทุกมิติของกระบวนการที่จะแก้ไข รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการทำประชามติก่อน หรือด้วยรูปแบบใด และจะใช้เวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นเมื่อใด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการเริ่มต้นจากการทำประชามติและมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)นั้น จะต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ถ้ารวมการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ด้วย จะใช้เงินครั้งละประมาณ 4 พันล้านบาท รวมๆแล้วเกือบ 2 หมื่นล้านบาท คุ้มกันหรือไม่ในสภาวะเศรษฐกิจของบ้านเมืองขณะนี้
นายวันชัย กล่าวอีกว่า เมื่อสิ้นบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญและมาตรา 272 สิ้นผลไปแล้ว มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วควรพิจารณาให้รอบคอบทุกด้านทุกมุมว่า เรื่องใดจำเป็นเร่งด่วนมากกว่ากัน ระหว่างสถานการณ์ของบ้านเมือง และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจถ้าตัดความรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มาจากคณะรัฐประหารได้ นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไร
“รัฐธรรมนูญปี 2560 มาจากการแก้ไขข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีในระดับหนึ่ง เพียงแต่ไม่ถูกใจบางพรรคบางพวกเท่านั้น เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า หาใช่มาจากเนื้อแท้ของรัฐธรรมนูญไม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องประเมินให้ดี วันนี้ไม่ได้เป็นฝ่ายค้านที่อยากจะทำอะไรไปได้ทุกเรื่อง”นายวันชัย กล่าว
นายวันชัย กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลและฝ่ายค้านเห็นว่าประเด็นใดเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ควรจะแก้ไข ก็แก้เป็นรายมาตราไม่ดีกว่าหรือ เป็นการประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลา แก้ได้ตรงจุดตรงประเด็น ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย