“ชัยชนะ” ยัน 25 สส.ปชป. ไม่คิดย้ายพรรค เผย ประชุมเลือก “หน.พรรค-กก.บห.” ชุดใหม่ ไม่เกิน พ.ย.นี้ ย้ำเสนอชื่อ “นราพัฒน์” เหมือนเดิม
วันที่ 28 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวสมาชิกพรรคบางส่วนและอดีตสส.จะไปจดตั้งพรรคใหม่เพื่อดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคว่า ตนเพิ่งทราบข่าวผ่านสื่อ ซึ่งไม่ทราบว่าแหล่งข่าวมาจากไหน เพราะในพรรคไม่มีการพูดคุยว่าใครจะย้ายออกจากพรรค หรือไปตั้งพรรคใหม่
เท่าที่อ่านในข่าวบอกว่ามีกลุ่มหนึ่งจะย้ายไปอยู่พรรค อีกกลุ่มหนึ่งจะไปตั้งพรรคใหม่ เท่าที่ตนยืนยันได้ สส.ทั้ง 25 คนในปัจจุบัน ไม่มีใครย้ายพรรคและไปตั้งพรรคใหม่ ส่วนอดีตสมาชิก ตนไม่ทราบเพราะบางคนก็ไม่ได้พูดคุย แต่เท่าที่พูดคุยกันส่วนใหญ่ไม่มีใครมีความคิดแบบนี้
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า สส.ทั้ง 25 คนอยู่กับพรรค จนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า นายชัยชนะ กล่าวว่า ขอยืนยัน ณ ปัจจุบันก่อน ถ้าไปพูดเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ในอีก 3 ปีจะกว่า ก็ไม่ได้ แต่ตนพูดว่าสมัยนี้จนถึงจบสมัย ไม่มีใครย้ายพรรค แต่หลังจากหมดสมัยสภาฯ แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ ก็เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่ใครจะอยู่หรือใครจะย้ายไปพรรคไหน ก็ต้องยอมรับและให้เกียรติกัน
เมื่อถามถึงการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ชุดใหม่ในครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ต้นเดือนต.ค. จะประชุมกก.บห. ชุดรักษาการ เพื่อกำหนดแนวทางการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคและกก.บห.ชุดใหม่ เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีองค์ประชุมครบ ดังนั้น คิดว่าภายในเดือนต.ค. หรือช้าสุดไม่เกิดต้นเดือนพ.ย. ต้องได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ยังคงเป็นชื่อ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวพรรค เหมือนเดิม
“ผมคิดว่าวันนี้ทุกฝ่ายต้องถอยคนละก้าวเพื่อพูดคุยกัน และหาวิธีที่ดีที่สุด ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ประชาธิปัตย์อยู่ในยุคเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่าน สิ่งที่ทำในอดีตที่ดี เราต้องสืบทอดต่อไป อะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับโลกปัจจุบัน ก็ต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าเรายังยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ เก่าๆ เราก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ และ เราก็ไม่มีสิทธิจะสู้กับเขาได้” นายชัยชนะ กล่าว
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะพูดคุยว่าอีกฝั่งเป็นหัวหน้า อีกฝั่งเป็นเลขาธิการพรรคหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า อยู่ที่การพูดคุยเจรจากันมากกว่า การเมืองคือการเจรจา ถ้าเจรจาภายใต้ความรักและปรารถนาดีต่อพรรค ตนว่าจบ แต่ถ้าเจรจาแล้วมีกำแพงกั้นไว้ ตนว่าไม่จบ
ที่ผ่านมาพวกตนพร้อมเจรจาตลอดและไม่มีกำแพงกั้น โดยนำเสนอบุคคลใหม่ๆ เข้ามาทำงานกับพรรค แต่บางครั้งก็โดนมองว่าคนที่เข้ามาใหม่นั้น เป็นสมาชิกไม่ครบ 5 ปีบ้าง อะไรบ้าง จึงมองว่าวันนี้การทำงานเราต้องย้อนกลับไปว่า ในเมื่อเรามีคนที่มีความสามารถ แต่เขาเพิ่งเข้ามา เราก็ต้องให้โอกาสเขา