นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคพรรคภูมิใจไทย แสดงความเห็นผ่าน FB Suphachai Jaismut กล่าวถึงเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากว่า ถึงเวลาต้องทบทวนระบบรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ในฐานะที่เป็นคนจังหวัดตรัง เป็นคนใต้โดยกำเนิด คุ้นเคยกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และทราบว่าการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับชาติมหาศาล การปรากฏข่าวเรือล่ม มิใช่แต่เพียงสร้างความเสียใจกับฝ่ายผู้สูญเสีย แต่ยังทำลายภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกจากการหาผู้กระทำผิดกฎหมายมาลงโทษ ยังหวังว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะใช้เหตุเศร้าสลดใจครั้งนี้ปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว เพราะต้องไม่ลืมว่าในรอบ 5 ปีหลังสุด แต่ละปีประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล กว่า 25 ล้านคน เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นกว่าในอดีตมาก ด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ ระบบการรักษาความปลอดภัยของเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ย่อมไม่สามารถรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
กรณีล่าสุด มีข้อสงสัยว่าทัวร์ 0 เหรียญ ถูกปราบปรามไปแล้วจริงหรือไม่ เพราะตำรวจเพิ่งอายัดเงินบริษัทเจ้าของเรือที่ล่ม ด้วยเหตุว่าบริษัทจดชื่อในนามคนไทย แต่เจ้าของตัวจริงเป็นชาวต่างชาติ แถมบริษัทยังโยงกับบริษัทท่าลี่ ที่ตำรวจดำเนินคดีทัวร์ศูนย์เหรียญตั้งแต่ปี 2558 ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว มีจิตสำนึกรับผิดชอบหรือไม่ เพราะกัปตันเรือไม่ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา และพาเรือออกไปเจอกับฝนตกคลื่นลมแรง นำมาซึ่งโศกนาฎกรรม มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่
ส่วนตัวมีข้อเสนอให้ ต้องเพิ่มบุคลากรรวมถึงระบบอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยด้านการรักษาความปลอดภัยให้เหมาะสมกับจำนวนธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น ในส่วนของกรมเจ้าท่าก็ควรต้องเพิ่มทั้งในตำแหน่งของผู้ตรวจสอบใบอนุญาต สภาพท่าเรือ สภาพเรือ รวมไปถึงฝ่ายกู้ภัย ควบคู่ไปกับการเพิ่มโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมกับมีหน่วยประเมินผลการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะถ้าระบบดี การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น การจ่ายเงินเยียวยาจำนวนมากเพียงใดก็ไม่อาจชดเชยกับความสูญเสียรวมทั้งชื่อเสียงของประเทศ ก็หวังว่าเสียงตรงนี้จะส่งไปถึงฝ่ายที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ “อย่าให้ความสูญเสียครั้งนี้ เป็นเรื่องสูญเปล่า”