นายธีระชัย แสนแก้ว คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะในปัจจุบันภาคเกษตรอุตสาหกรรม นับว่าเป็นปัญหาหนักมาก พืชเศรษฐกิจหลายประเภท มีราคาตกต่ำ ตั้งแต่ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ถือว่าส่งผลกระทบกับภาพใหญ่ของเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสาน
ที่ผ่านมาถือว่าภาคอุตสาหกรรมการเกษตร เกษตรกรต้องรับกรรมและผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา จากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำติดต่อกันมาหลายปี โดยเฉพาะยางพารา ที่มีราคาตกต่ำมากในช่วงหลายรัฐบาลที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะบอกว่าพยายามแก้ไขแต่การแก้ไขปัญหากับไม่สัมฤทธิ์ผล แก้ปัญหากันไม่จบสิ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องยอมรับว่ายางพารามีเกษตรกรปลูกมาก ทำให้ปริมาณยางทั้งยางดิบและยางก้นถ้วย มีมากกว่าความต้องการของตลาดราคาจึงตกลงตามกลไกตลาดโลก
นายธีรชัย กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันพืชการเกษตรอีกประเภทคือ อ้อย ที่ถือว่า ปีนี้เกิดผลกระทบหนักหน่วงจากราคาที่ตกลง เพราะปัจจุบันมีโรงงานผลิตน้ำตาลรวมในพื้นที่ภาคอีสานกว่า 20 โรงงาน แต่มีจำนวนผลผลิตอ้อยในแต่ละปี มากกว่า 55-60 กว่าล้านตัน มีปริมาณวัตถุดิบที่สูงมาก ส่งผลให้ราคาต่อตันอ้อยลดลงจากเดิมอยู่ที่ 880 บาทต่อตันอ้อย แต่คาดว่าในฤดูการผลิตปี 61-62 คาดว่าราคาจะลดลงมาอยู่ที่ 720-750 บาทต่อตันอ้อย ซึ่งตกต่ำมากในรอบ 10 ปี ที่เป็นเช่นนี้เพราะราคาตลาดโลกตกต่ำ มีผลกระทบอย่างแน่นอน นอกจากนี้ที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลใดนำอ้อยไปเป็นวัตถุดิบไปเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าอื่นอาทิ พลังงาน จึงส่งผลให้ผลผลิตมากกว่าความต้องการตลาด
นายธีรชัย กล่าวด้วยว่า ผลผลิตทางการเกษตรหากรัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะรองรับ หวั่นว่าผลกระทบที่เกิดจากพี่น้องประชาชน เกรงว่ารัฐบาลจะเอาไม่อยู่ และจะเกิดปัญหามากกว่าการเมือง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนเกิดขึ้นพร้อมกันโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพราะกำลังซื้อจะหายไปจากภาคการค้าขาย ส่งผลภาคการเงินของประเทศเพราะอัตราเงินฝืดจะเกิดขึ้นพร้อมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นวัดฝีมือรัฐบาลเพราะเมื่อรัฐบาลป่าวประกาศว่าส่งออกดี ชาวบ้านน่าจะดีตามไปด้วย แต่ในภาคความเป็นจริงรัฐบาลบอกเศรษฐกิจดีแต่ทำไมเกษตรกรกลับไม่มีรายได้ดีตามที่รัฐบาลบอก อยากให้รัฐบาลใส่ใจเรื่องภาคการเกษตรกว่าที่ผ่านมาเพราะหากเกษตรกรไม่มีรายได้ก็จะกระทบไปถึงทุกเรื่อง