จากกรณีที่ กทม. จัดระเบียบทางเท้าถนนข้าวสารใหม่ แต่ติดข้อกฎหมายเนื่องจาก ขณะที่ กทม. ห้ามผู้ค้าขายบนทางเท้า และให้ลงมาขายบนถนนตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น. ปรากฏว่าเมื่อผู้ค้าปฏิบัติตาม กลับโดนจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะขัดระเบียบการจราจร สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ค้า และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นำมาซึ่งการเจรจาระหว่างกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ค้า ในวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด ที่สำนักเทศกิจ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้หารือกับตัวแทนผู้ค้าถนนข้าวสาร เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าว พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ว่า เบื้องต้นที่ประชุมมีข้อสรุปแนวทางการจัดระเบียบถนนข้าวสารเป็นการชั่วคราว โดยจะอนุโลมให้ผู้ค้าสามารถทำการค้า โดยตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าได้ เป็นระยะเวลา 7 วัน ระหว่างเวลา 18.00-24.00 น.โดยกำหนดให้ทำการค้า 1 คนต่อ 1 แผงค้า ขนาดแผงค้า 1.5 x 1.5 เมตร ซึ่งผู้ค้าสามารถตั้งวางแผงค้าได้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน ส่วนช่วงกลางวันจะไม่อนุญาตให้มีการตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ จะให้สำนักงานเขตพระนครพิสูจน์สิทธิ์ ผู้ค้า 1 รายต่อ 1 แผง ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ 230 กว่าราย ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนตั้งวางแผงค้าก่อนเวลาที่กำหนด จะดำเนินการจับ-ปรับตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ซึ่งจะปรับสูงสุดที่อัตรา 2,000 บาท และจะตัดสิทธิ์ในการตั้งวางแผงค้าใดๆ บนถนนข้าวสารอีกต่อไป” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
“ส่วนที่มีกระแสว่าจัดระเบียบถนนข้าวสารแล้วทำให้เสน่ห์หายไปนั้น ถามว่าเสน่ห์ของถนนข้าวสารคืออะไร คือความเละเทะไม่เป็นระเบียบใช่หรือไม่ ตั้งแผงค้าบนทางเท้าอย่างผิดกฎหมายหรือไม่ แม้ว่าพื้นที่ถนนข้าวสารจะถือเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของกรุงเทพฯ แต่ผมในฐานะผู้รับผิดชอบคงยอมไม่ได้ ปล่อยให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ กทม.ไม่ได้ต้องการยกเลิกการค้าบนถนนข้าวสาร แต่ต้องการให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยของผู้ค้าและนักท่องเที่ยว” นายสกลธี กล่าว
ด้าน น.ส.ญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมผู้ค้าแผงลอยเสรีถนนข้าวสาร กล่าวว่า มีความพอใจในผลประชุม แต่ยังกังวลเรื่องการห้ามขายในเวลากลางวัน และความชัดเจนในกรอบเวลาการพิจารณาแผนดังกล่าว
ขณะที่ทาง “ไทยรัฐออนไลน์” เผยแพร่บทความ “เราจะไม่กลับมาอีก เสียงจากนักท่องเที่ยว ในวันถนนข้าวสาร ถูกจัดระเบียบ” ระบุใจความตอนหนึ่งว่า
ด้านเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าในตึกแถวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแนวทางการจัดระเบียบของ กทม. ที่จะมีการแบ่งพื้นที่ให้ขายบนถนนนั้น เพราะว่าน่าจะเกิดปัญหาเรื่องพื้นที่ค้าขาย เนื่องจากช่วงเวลากลางคืน ถนนแห่งนี้จะมีพ่อค้าแม่ค้าหลายรายที่เป็นรถเข็น มาขายกันเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าจะให้ลงไปขายรวมกัน ก็อาจจะไปทับที่ของคนที่เคยขายก่อนหน้า อีกทั้งหากมีฝนฟ้าตกลงมา น้ำท่วมขังไปหมด พ่อค้าแม่ค้าจะขายอย่างไร
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ปี 2557 จะมีมาตรการการจัดระเบียบผู้ค้าออกมาแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มีการดำเนินการที่จริงจัง แต่พอมารอบนี้ ทุกอย่างมันรวดเร็วมากเกินไป หลังจากที่ กทม.ประกาศว่าจะมีการจัดระเบียบผู้ค้าและสั่งให้หยุดขาย ข่าวก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มีใครอยากจะมา
การที่พ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ขายของ ส่วนตัวก็สงสารเขา เพราะพวกเขาก็มีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย ถ้าเขาไม่ได้ขายอย่างนี้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายหนี้จ่ายสิน ต่อจากนี้ทุกคนจะทำอย่างไรต่อไป ก็คงต้องรอดูแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนในวันที่ 7 ส.ค.ก่อน ว่าเขาจะมีทางออกให้อย่างไร ตอนนี้ทุกคนก็ต้องสู้กันต่อไป” เจ้าของร้านขายเสื้อผ้า กล่าวทิ้งท้าย
ต่างชาติประสานเสียง “ไม่มีอะไรน่าสนใจ หาของกินยาก เราจะไม่กลับมาอีก”
ภายหลังจากสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่แล้ว ทีมข่าวฯ จึงลองสอบถามความรู้สึกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เคยเดินทางมาเที่ยวที่ถนนข้าวสารแห่งนี้ว่า พวกเขารู้สึกอย่างไรกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นตอนนี้ และถ้ามีโอกาสกลับมาเที่ยวประเทศไทย พวกเขาจะยังคงกลับมาเที่ยวที่ถนนแห่งนี้อีกครั้งหรือไม่…
กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวสวีเดน บอกกับทีมข่าวฯ ว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่พวกเขามาเที่ยวที่ถนนข้าวสาร เพราะประทับใจร้านค้าที่อยู่บนท้องถนน คล้ายกับถนนคนเดิน แถมอาหารยังถูก อร่อย หากินได้ง่าย แต่ครั้งนี้รู้สึกว่ามันโล่ง หาของกินยาก ไม่เหมือนครั้งแรกที่เคยมาเยือนสักนิด
เมื่อทีมข่าวฯ ถามว่า พอจะทราบไหมว่าที่นี่มีการจัดระเบียบผู้ค้ากัน จึงมีการสั่งให้หยุดขาย เป็นเวลา 4 วัน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กล่าวว่าไม่ทราบมาก่อนหน้านี้ ทีมข่าวฯ จึงถามต่อว่า ชอบไหมที่ถนนดูโล่งแบบนี้ พวกเขาบอกว่าชอบ มันดูไม่วุ่นวายดี แต่มันไม่ดีตรงที่หาของกินยาก
เมื่อถามว่าครั้งหน้าที่มาเที่ยวเมืองไทย ยังจะมาถนนข้าวสารอีกหรือไม่ ทุกคนต่างส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่า พวกเขาคงจะไปเที่ยวที่อื่นที่ดีกว่านี้
ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่เป็นครั้งที่ 3 ด้วยความหลงไหลมนต์เสน่ห์ของถนนแห่งนี้ ที่มีผู้คนและสีสันยามค่ำคืนให้ตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีของขายเยอะแยะ น่าเดิน เหมือนถนนคนเดินที่พัทยา
แต่พอมาครั้งนี้ทุกอย่างดูแปลกตา นักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยมี ไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนครั้งก่อนที่เคยมา