นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ อดีต ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงนโยบายการจัดระเบียบทางเท้าของกรุงเทพมหานคร ว่า เป็นนโยบายที่ดีแต่ต้องดูว่าแต่ละสถานที่ควรทำอย่างไร ไม่ใช่ทำในรูปแบบเดียวกัน เพราะจะส่งผลให้เสน่ห์ของถนนเส้นนั้นหายไป อาทิ การจัดระเบียบที่ผ่านมา ทั้งคลองถม สะพานเหล็ก สะพานพุทธ หรือแม้แต่ปากคลองตลาด เกิดความเหลื่อมล้ำในหลายพื้นที่ บางพื้นที่มีการจัดระเบียบแต่ผลที่ออกมาคือผู้ค้าบางคนได้ที่ดี แต่ผู้บางคนได้ที่ค้าใหม่ไม่ดี พังเลยก็มี ดังนั้น นโยบายดีแต่ในทางปฏิบัติต้องมีการยืดหยุ่นกันบ้าง
ขณะเดียวกัน การจัดระเบียบถนนข้าวสาร ถือเป็นการดำเนินนโยบายที่ผิด ส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพราะถนนข้าวสารคือสตรีทวอล์กและสตรีทฟู้ดส์คู่กันไป เสน่ห์คือ นักท่องเที่ยวมาเดินเล่น หิวก็หาอะไรกิน จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลกไปแล้ว แต่เมื่อมีการจัดระเบียบจะอ้างเรื่องความสะอาด หรือ ต้องการจัดการกับมาเฟียก็แล้วแต่ ทางหน่วยงานภาครัฐต้องบูรณาการร่วมกันในการจัดการ โดยการจัดระเบียบที่ดีคือ การเอาระเบียบเข้ามาจับ ไม่ใช่เอาเรื่องระเบียบเข้ามาจับ ซึ่งผลที่ออกมามันต่างกัน ภาครัฐจะดำเนินการจัดระเบียบอย่างไรก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องเปิดรูหายใจให้กับผู้ประกอบการด้วย เพราะคนขายเขาจะทำอย่างไรหากไม่มีที่ขายของ มีการเตรียมการหาสถานที่รองรับไว้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าหรือไม่ก่อน อยากถามไปที่หน่วยงานที่รับผิดว่า การจัดระเบียบแล้วมีที่รองรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ไว้หรือไม่ หากไม่มีการดำเนินการจะมีการถูกข้อครหาว่ารังแกคนจน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเราอย่าลืมว่าทุกวันนี้ถนนข้าวสารกลายเป็นต้นแบบถนนสายเศรษฐกิจตามจังหวัดต่างๆที่ตั้งชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่าข้าว เช่น ถนนข้าวเหนียว ถนนข้าวปุ้น ถนนข้าวหลาม ถนนข้าวแช่ ถนนข้าวตอก
“ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะเสนอท่านรองผู้ว่าฯ ซึ่งผมเข้าใจเหตุผลของทั้ง 2 ฝ่ายดี อย่างไรก็ตาม เราต้องหาจุดสมดุลระหว่างการถูกกฎหมายเป๊ะๆ กับเรื่องมนต์เสน่ห์และความเดือดร้อนของชาวบ้าน เบื้องต้นผมคิดว่า กทม.ควรออกตัวเลือกมาให้พ่อค้าแม่ค้าเป็นคนเลือก เพราะถ้าให้พ่อค้าแม่ค้าส่งข้อเสนอมา ผมเกรงว่ามันจะไม่จบ เพราะ กทม.อาจจะไม่รับตั้งแต่ข้อแรก” นายวัชรพงศ์กล่าว