นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสาเหตุที่เสนอแนวทางพักชำระหนี้ กยศ. และปลดภาระผู้ค้ำ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในสังคม ว่า
ส่วนตัวสนับสนุนเรื่องการศึกษา การสร้างอนาคตให้ชาติไทย แต่การศึกษา กลับทำให้เด็กไทย กลายเป็นหนี้ มีคดีความติดตัว สิ่งที่ตามมา เด็กจะมีสถานะไม่ต่างจากคนล้มละลาย มีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือ หางานทำลำบาก แทนที่จะได้รับโอกาสทำมาหากินอย่างสุจริต ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความต้องการศึกษาหาความรู้ สิ่งเหล่านี้ ไม่ควรเกิดขึ้น
“เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นหนี้ เพราะในอดีตเคยมีหนี้ประมาณหมื่นล้านบาท เป็นจำนวนตัวเลขที่สูงมาก ตอนนั้น ยอมรับว่ากินไม่ได้ นอนไม่หลับ นั่งคิดคำนวณ จะหาทางจัดการหนี้อย่างไร หายใจเข้าเท่ากับ 85 บาท หายใจออกก็ 85 บาท คิดไม่ตก แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อไป จึงไปขอให้ธนาคารในฐานะเจ้าหนี้ช่วยประนอมหนี้ บทสรุป มีทั้งการแปลงหนี้ให้เป็นทุน ธนาคารเข้ามาถือหุ้นบริษัท และการพักหนี้
ในส่วนของการพักหนี้ ขอพักหนี้ 8 ปี ให้มีเวลาได้หายใจ ตรงนั้นทำให้เราเกิดความคิดมากมาย มีแรงทำงาน สร้างรายได้ สุดท้าย ก็จ่ายหนี้คืนได้ทั้งหมด ไม่ต้องรอถึง 8 ปีด้วย
จากประสบการณ์ ทำให้มั่นใจว่าคนเป็นหนี้อยากจ่ายหนี้ทุกคน แต่เขาต้องการเวลาคิด เวลาทำงาน เวลาเก็บเงิน จึงเอาสิ่งที่ผ่านมาเหล่านี้ มาเสนอเป็นแนวทางแก้ปัญหา กยศ.”
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การพักหนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณ เพราะเงินมันไหลออกไปแล้ว การพักหนี้ เป็นความพยายามนำเงินกลับเข้าสู่ระบบต่างหาก ทั้งนี้ การพักหนี้ในแนวทางของตนต้องจัดระเบียบลูกหนี้ก่อน กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่ต้องจ่ายหนี้ เพราะมีงาน มีรายได้ กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่สามารถพักชำระได้สูงสุด 5 ปี กลุ่มนี้ ประเมินแล้วว่าขาดศักยภาพในการจ่ายหนี้คืนภายใน 2-3 ปี ก็ยืดเวลาให้มากขึ้น ส่วนกลุ่มที่ 3 ไม่ต้องชำระหนี้ เพราะพิการ ทุพพลภาพ ที่กล่าวมา เป็นแนวคิดเบื้องต้น
