รายงานข่าวเปิดเผยว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในจังหวัดนครสวรรค์พบปัญหาภัยแล้งรุนแรง แหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่งลดลงอย่างต่อเนื่อง จากภาวะภัยแล้ง ส่งผลให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ เนื่องจากขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค ส่งผลให้ชาวนาในพื้นที่ประสบปัญหาไม่มีน้ำทำนา จากการสำรวจพบต้นข้าวต้องถูกทิ้งให้ยืนต้นตายไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ ทั้งที่ต้นข้าวกำลังเติบโต เนื่องจากขาดน้ำ เพราะคลองสาธารณะและแหล่งน้ำตามธรรมชาติเริ่มแห้งขอด ซ้ำร้าย ก่อนหน้านี้ชาวนาในพื้นที่ยังต้องประสบกับปัญหาแมลงบั่วระบาด ทำลายต้นข้าวเสียหายอีกด้วย
สำหรับจังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ขาดแคลนน้ำและเริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว รวม 7 อำเภอได้แก่ อ.เมืองนครสวรรค์ อ.เก้าเลี้ยว อ.โกรกพระ อ.ชุมแสง อ.บรรพตพิสัย อ.แม่วงก์ และ อ.ลาดยาว นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบแล้วกว่า 1 แสนไร่ เกษตรกรบางส่วนเปลี่ยนการทำนาไปทำไร่ถั่วเขียวที่ใช้น้ำน้อยแล้ว แต่ก็ยังประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำจนไร่ถั่วเขียวเหี่ยวแห้งเฉาตาย
นอกจากนี้จากการลงพื้นที่พบว่า ที่ตำบลดอนคา อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ พบต้นข้าวหอมมะลิยืนต้นตายแดงหลายหมื่นไร่เนื่องจากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง ส่งผลทำให้ภัยแล้งในจังหวัดนครสวรรค์ยังคงรุนแรงและขยายวงกว้างต่อเนื่อง ชาวนาอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์วอนผู้ว่าขอฝนหลวง เพื่อหล่อเลี้ยงนาข้าว ถือเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย หลังจากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงข้าวหอมมะลิทั้งที่ตำบลดอนคาอำเภอท่าตะโกและเขตติดต่อกันคืออำเภอไพศาลีจังหวัดนครสวรรค์กำลังขาดน้ำยืนต้นตายน้ำในลำคลองแห้งขอดไม่มีน้ำที่จะมาหล่อเลี้ยงต้นข้าว
สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ยังส่งผลกระทบกับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานหลายพื้นที่ ต้องปล่อยให้พืชผลทางการเกษตรยืนต้นตายเนื่องจากไม่สามารถหาน้ำได้ อย่างเกษตรกร ในเขตอำเภอท่าตะโกและอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ จำนวนมาก ต้องตัดสินใจปล่อยทิ้งนาข้าว อายุข้าวเพียง 3 สัปดาห์ ให้ยืนต้นตายบนแปลงนา ข้าวกว่า 20,000 ไร่ เนื่องจากคลองสาธารณะและแหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอด วอนขอความช่วยเหลือจากท่านผู้ว่านครสวรรค์ช่วยเร่งทำฝนเทียมช่วยชาวนาด้วย