“ครป.” ค้าน คสช.ใช้ ม.44 ผ่อนคลายไพรมารีโหวต ชี้ ทำลายเจตนารมณ์การปฏิรูปการเมือง-ส่อขัด รธน. พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเอื้อ “พลังดูด” หวังสืบทอดอำนาจหรือไม่
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ออกแถลงการณ์กรณีรัฐบาลประกาศผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้พรรคการเมืองด้วยการล้มระบบไพรมารีโหวต ระบุว่า ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนประกาศผ่อนคลายให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะการจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่บังคับใช้ระบบไพรมารีโหวต (Primary Vote) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 นั้น คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ขอแสดงท่าทีและข้อเรียกร้องดังนี้
1. เราขอคัดค้านการจะใช้อำนาจตามมาตรา44 ของหัวหน้า คสช. เพื่อผ่อนคลายให้พรรคการเมืองไม่ต้องดำเนินการตามหลักไพรมารีโหวต (Primary Vote) ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยอ้างเรื่องระยะเวลาหาเสียงนั้น ทั้งนี้ เพราะระบบไพรมารี่โหวต หรือ “ระบบการเลือกตั้งขั้นต้น” คือ การปฏิรูปการเมืองขั้นพื้นฐานที่จะพัฒนาให้พรรคการเมืองเป็นประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ประการสำคัญ ระบบไพรมารี่โหวต จะทำให้ประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรคนั้นๆ มีสิทธิและหน้าที่ในการเลือกผู้สมัครส.ส. ทั้งยังสามารถนำเสนอและพัฒนานโยบายพรรค พร้อมรับฟังวิสัยทัศน์ของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคทุกระดับ รวมทั้งรับทราบสถานะทางการเงินของพรรคการเมืองนั้นๆ ด้วย ดังนั้น ระบบไพรมารีโหวต จึงเป็นการปฏิรูปการเมืองขั้นต้นที่ทำจะให้ประชาชนได้ใกล้ชิดกับผู้นำบริหารพรรคและนักการเมืองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ไพรมารีโหวต จึงเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่มทุนและนักเลือกตั้งเข้ามาครอบงำพรรค แก้ปัญหาการเมืองไทยไม่ให้เกิดขึ้นวิกฤติความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา
- เราเห็นว่า หากมีการผ่อนคลายให้พรรคการเมืองไม่ต้องทำระบบไพรมารีโหวต โดยการออกคำสั่งตามมาตรา44 ของ คสช.นั้น จะเป็นการทำลายหลักปฏิรูปประเทศ ทำลายเจตนารมณ์การปฏิรูปการเมืองของ คสช.ที่ประกาศไว้ตอนเข้ามายึดอำนาจอย่างยิ่ง อีกทั้งหากไม่มีการดำเนินการตามระบบไพรมารี่โหวตก็อาจเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การอ้างว่าพรรคการเมืองไม่มีเวลาในการดำเนินการตามระบบไพรมารี่โหวตดังกล่าวหรือหาสมาชิกพรรคไม่ทันก็ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะกฎหมายได้ผ่อนคลายการทำไพรมารี่โหวตพอสมควร แค่พรรคการเมืองหาสมาชิกพรรคในแต่ละจังหวัดครบ 100 คนก็สามารถคัดเลือกและส่งผู้สมัครได้ครบทุกเขตในจังหวัดนั้นๆ อยู่แล้ว หากพรรคใดไม่สามารถดำเนินการเช่นนี้ได้ พรรคการเมืองนั้นก็ไม่ควรส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง
- เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาล ได้ทบทวนท่าทีดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันข้อสงสัยของสาธารณชนที่ว่า น่าจะมีการดูดนักการเมืองจำนวนหนึ่งมาตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนการอยู่ในอำนาจต่อไปของรัฐบาลปัจจุบัน ด้วยการผ่อนคลายหลักเกณฑ์บางอย่างให้เอื้อต่อการได้มาซึ่งจำนวน ส.ส.ที่จะสนับสนุนการอยู่ในอำนาจของตน และหากมีการดำเนินการเช่นนั้นจริง ย่อมเป็นภัยอันตรายต่อการพัฒนาประเทศและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ท้ายที่สุด ครป.เห็นว่า การผ่อนคลายให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ได้เป็นเรื่องที่เหมาะสมและสอดคล้องต่อการคืนอำนาจให้ประชาชนได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ไม่ควรทำลายหลักการปฏิรูปประเทศ ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองบางกลุ่มเพื่อประโยชน์ของตน อันจะทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤติเช่นที่ผ่านมา