พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 6 ฉบับ โดยสาระสำคัญของกฎหมาย คือ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นผู้ที่จัดการเลือกตั้ง แต่สามารถมอบหมายให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดการเลือกตั้งได้
ส่วนสมาชิกสภากรุงเทพ (สก.) และสมาชิกสภาเขต (สข.) ยังมีอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ขณะนี้ สข. ครบวาระหมดแล้ว แต่ยังไม่อนุญาตให้มีการเลือกตั้ง โดยให้รอกระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่าในอนาคตจะมี สข. อีกหรือไม่
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมี สข. หรือไม่ในอนาคตจะต้องมีกฎหมายออกมาอีก 1 ฉบับ โดยการจะได้เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือไม่ จะต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด และ กกต. จะสามารถตรวจสอบการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมในเชิงรุก คือ สามารถตรวจสอบได้เมื่อพบข้อมูลทุจริตโดยไม่ต้องรอให้มีผู้มาร้องเรียน มีการแก้คุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เข้มงวดป้องกันไม่ให้มีการทุจริตได้
นอกจากนี้ยังกำหนดอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติมจากเดิม โดยดูจากบทเรียนที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับแก้ไขกฎหมายให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้ แต่จะต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยกำหนด
ส่วนการแบ่งเขตเลือกตั้ง มีการกำหนดเพิ่มจำนวนประชากร แต่ละเขตจาก 100,000 คน เป็น 150,000 คน ซึ่งวันนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจสอบรายละเอียดของกฎหมายทั้ง 6 ฉบับเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ จะส่งให้ สนช.ได้ และน่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป โดยคาดว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งใหญ่