นายเอกชัย ไชยนุวัติ นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีที่ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 แล้ว ว่า เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยจะต้องกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง กลับเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าจะดำเนินการอย่างไร
เชื่อว่าหลังจากนี้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงจะต้องมีการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นกันมากขึ้นแต่อาจจะมีกรอบของกฏหมายเข้ามาครอบไว้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความมั่นคง อยากให้มีการปลดล็อคเพื่อให้ทุกพรรคเท่าเทียมกัน ไม่ควรที่จะแค่คลายล็อค เพราะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม การหาเสียงก็คงต้องรอให้มีการปลดล็อคการเลือกตั้ง
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า กรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ออกมายอมรับว่า คสช. ยังมีอำนาจเต็ม ซึ่งตามกฎหมายเป็นเรื่องจริง แต่ในทางกลับกัน อำนาจในการจัดการเลือกตั้งควรที่จะเป็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มากกว่า คสช.เพราะจะได้จัดการเลือกตั้งได้อย่างบริสุทธ์ยุติธรรม ทางที่ดีที่สุด คสช.ควรที่จะถอยออกไปในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีการเลือกตั้ง เพราะไม่ควรที่จะเป็นทั้งผู้คุมกติกา มาเป็นผู้เล่นเสียเอง
ส่วนกรณีการแต่งตังนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตแกนนำ กปปส. นั้นไม่มีอะไรผิดไปจากการคาดการณ์ตามสมุติฐานคือ เขาย่อมแต่งตั้งพวกเดียวกันเข้ามาช่วยทำงาน แต่ในส่วนของข้อกล่าวหานั้น แม้ขณะนี้ทางกฏหมายถือว่าถือว่านายพุทธิพงษ์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีการตัดสินว่าถูกหรือผิด ในขณะเดียวกันหากมีปัญหา คนที่แต่งตั้งต้องรับผิดชอบไปด้วย เพราะแต่งตั้งคนที่มีคดีความเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายให้กับรัฐ
ขณะที่ปมการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่นั้น ตนไม่สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นพรรคที่ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจะมีจุดยืนอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในส่วนรายชื่อที่เสนอตัวมาเป็นตัวเลือก อาทิ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตนไม่ให้ราคานายอลงกรณ์ เพราะได้ออกจากการพรรคไปร่วมกับ คสช. แต่พอหมดอำนาจจะกลับมาสู่เส้นทางการเมือง ตนเลยเลยไม่อยากเคารพคนประเภทนี้ แต่ลึกๆก็เชื่อว่านายอลงกรณ์มีเป้าหมายบางอย่าง โดยเฉพาะในช่วงที่กฎหมายลูก ส.ว.ประกาศใช้แล้ว จะมีคนออกมาแสดงตัวเพื่อเป็นข่าวมากขึ้น โดยหวังผลบางประการ เพราะส.ว.ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอำนาจมากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้น ตนเชื่อว่าหลังจากนี้นักวิ่งจะวิ่งกันมากขึ้น
นายเอกชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยนั้น ต้องยอมรับว่าตอนนี้กลายมาเป็นตำบลกระสุนตก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะเป็นการพิสูจน์ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะมีความมั่นคงทางการเมืองแค่ไหน มีความเป็นมืออาชีพแค่ไหน เพราะที่ผ่านมากลุ่มการเมืองที่ออกมาโจมตีนายอนุทินและผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนเพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งในครั้งหน้า ดังนั้น จำเป็นต้องสกัดไว้แต่เนิ่นๆ
ส่วนการเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ออกมากล่าวถึงการเมืองใหม่-การเมืองเก่า ตนมองว่าคนอย่างนายสุเทพเป็นคนทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยโดยตรง ด้วยการนำมวลชนไปขัดขวางการเลือกตั้ง และใช้วาทกรรมทางการเมืองที่มิบังควร ดังนั้น นายสุเทพจึงเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่ยอมปรับตัว
