รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยรอบสัปดาห์ ว่า ในส่วนของรัฐบาล ต้องยกนิ้วให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านมีชั้นเชิงทางการเมืองไม่เบา บริหารประเทศมา 4 ปี คนยังไม่เบื่อ เทคะแนนผ่านผลโพลล์มาเป็นอันดับ 1 ตลอด แถมนับวันยังปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกของประชาชน
ล่าสุด มีนักร้องจากญี่ปุ่นมา ท่านก็ไปเล่นกับเขาได้ ไม่แข็งกระด้าง สะท้อนว่าท่านมีความยืดหยุ่นแบบนักการเมือง แต่อย่าชะล่าใจ เพราะผลโพลล์กับเรื่องจริงมันวัดกันไม่ได้ สมัยพลตรีจำลอง ศรีเมือง มีกระแสดี โพลล์ก็บอกว่าท่านจะเป็นนายกฯ สุดท้าย ไม่เคยเห็นท่านไปถึงสักที
ส่วนในเรื่องการปลดล็อก คลายล็อก นับจากนี้ อยากให้ท่านปล่อยให้พรรคการเมืองหาเสียงไปเลย ธรรมชาติของการเลือกตั้งมันต้องไปหาเสียง ไปชูนโยบาย สมัยก่อน ปีสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ฝ่ายรัฐบาลเขาโชว์ผลงานเต็มที่ ฝ่ายค้านเขาก็ถล่มกันเต็มที่ ท่านอย่าไปกังวล ความวุ่นวาย มันแก้ได้ ถ้าท่านใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม
รศ.สุขุม กล่าวต่อว่า ประเด็นที่คนสวนใจกันมากคือการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตรงนี้ตนมองว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะรู้ว่ากำลังมีคลื่นใต้น้ำ มีคนเลื่อยขาเก้าอี้อยู่ จึงแก้เกมด้วยการเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ และต้องชนะด้วย ดังนั้นเราจึงเห็นความพยายามของนายอภิสิทธิ์ ในการแก้ระเบียบพรรค เปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาเลือกหัวหน้าพรรค เพราะถ้าใช้กฎเดิม เลือกกันเองในพรรค มีตัวแปรน้อย ฝ่ายตรงข้ามล็อบบี้กันได้ และนายอภิสิทธิ์จะแพ้ แต่ถ้าให้ประชาชนมาโหวต นายอภิสิทธิ์ เชื่อมั่นในความนิยมจากประชาชน น่าจะนังรักษาตำแหน่งไว้ได้
ต่อประเด็น “เลือดไหล” ในพรรคประชาธิปัตย์ รศ.สุขุม ระบุว่า เป็นความพยายามของฝ่ายพลเอกประยุทธ์ ที่ต้องการยืนยันความเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม กปปส. เพื่อให้สังคมรู้ว่า นอกจากกลุ่มสามมิตร พรรคของนายไพบูลย์(นิติตะวัน) พรรคพลังประชารัฐ ยังมีพรรคของนายสุเทพ ที่เป็นกองหนุนตัวจริง ชอบฉัน ไปเลือกพรรคนั้น ส่วนพรรคอื่นทั้งภูมิใจไทย ชาติไทย ชาติพัฒนา พวกนั้น ยังไม่ใช่พันธมิตรแถวหน้า
นักวิชาการชื่อดัง ยังวิเคราะห์ ท่าทีของกลุ่มสามมิตร ว่า น่าสงสารแทนพรรคพลังประชารัฐ ที่มีนายสมคิด(จาตุศรีพิทักษ์)เป็นแกนหลัก เพราะมันมีโอกาสที่ถูกกลุ่มสามมิตรปฏิเสธ เนื่องจากกลุ่มสามมิตรสายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน,นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อาจจะรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเดินหาแนวร่วม แล้วทำไมต้องมารวมกลุ่มกับนายสมคิด, นายอุตตม ที่นั่งสบายอยู่ในห้องแอร์ ทั้งที่มีโอกาสพูดคุยกับผู้มีอำนาจได้โดยตรง น่าจะต่อรองได้ง่ายกว่า
สำหรับภาพรวมการเมืองนับจากนี้เป็นต้นไป รศ.สุขุม กล่าวว่า ยังมีความพยายามจะดึงการเมืองให้กลับไปเป็นแบบเก่า สะท้อนผ่านการปรับใช้ไพรมารีโหวตแบบง่าย ที่ไม่อิงกับเสียงของประชาชนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ระบบการเมืองเก่า ได้รับแรงเสียดทานสูง เพราะพรรคการเมืองเติบโตไปมาก อย่างไรก็ตาม ระบบการเมืองแบบโบราณจะยังอยู่คู่กับการเมืองไทยไปอีกระยะหนึ่ง เพราะบางคนต้องการเอาชนะคู่แข่ง มากกว่าการปรับตัวให้ทันกับโลกสมัยใหม่ จึงพาการเมืองก้าวไปข้างหน้าอย่างกระท่อนกระแท่นจวบจนวาระสุดท้ายของการเมืองเก่าจะมาถึง