หน้าแรก news “คณบดีนิด้า” ชี้ หากรัฐไม่เร่งแก้เหลื่อมล้ำ-การผูกขาดทางเศรษฐกิจ จะเกิดวิกฤต

“คณบดีนิด้า” ชี้ หากรัฐไม่เร่งแก้เหลื่อมล้ำ-การผูกขาดทางเศรษฐกิจ จะเกิดวิกฤต

0
“คณบดีนิด้า” ชี้ หากรัฐไม่เร่งแก้เหลื่อมล้ำ-การผูกขาดทางเศรษฐกิจ จะเกิดวิกฤต
Sharing

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ วิเคราะห์ปัญหาทางเศรษฐกิจการเมืองขณะนี้ ที่กำลังถูกผูกขาด โดยระบุว่า การผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมืองเป็นต้นเหตุการทุจริตคอร์รัปชั่น ความอยุติธรรม และความเหลื่อมล้ำทางสังคม และผลที่สืบเนื่องคือปัญหาอาชญากรรม การขายเสียง การค้ายาเสพติด และการขายตัว

มาตรการเชิงนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำบรรดาผู้บริหารประเทศทราบดีว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะมีงานการศึกษางานวิจัยต่างๆ มากมายของประเทศที่สามารถทำให้ตนเองหลุดพ้นจากความเหลื่อมล้ำได้ แต่ที่ไม่ทำ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เป็นเพราะเครือข่ายอำนาจทั้งรัฐและทุนนั้นต่างตระหนักดีว่า หากทำลงไป ผลประโยชน์ของตนเองก็จะลดลง หรืออาจหมดไปเลยก็ได้ และทำให้อภิสิทธิ์ต่างๆ ที่ได้รับจากสังคมลดลงอีกด้วย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อยากทำสิ่งที่ลดความเหลื่อมล้ำ ดังเช่น การดองกฎหมายปฏิรูปที่ดินเอาไว้ การดองกฎหมายภาษีทรัพย์สินเอาไว้ การดองอำนาจไว้ในส่วนกลางไม่ยอมกระจายไปสู่ประชาชนในท้องถิ่น เป็นต้น รวมทั้งการละเลยเพิกเฉยต่อการที่นายทุนเข้ามาผูกขาดทางเศรษฐกิจ รวมทั้งปล่อยปละละเลยให้รัฐวิสาหกิจบางแห่งเข้าไปผูกขาดขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเองไปแข่งขันกับประชาชนง

การแก้ปัญหาการผูกขาดและความเหลื่อมล้ำต่างๆ ต้องให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงสาเหตุและเภทภัยของการผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมืองที่กระทบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ทั้งในปัจจุบันลูกหลานในอนาคต และต้องพยายามสร้างแรงกดดันทางสังคมเพื่อแก้กฎหมาย แก้ระเบียบ แก้มาตรการ แก้แนวทางการประพฤติ แก้บรรทัดฐานค่านิยมต่างๆ ที่เป็นเงื่อนไขค้ำยันความเหลื่อมล้ำและการผูกขาดเหล่านี้อยู่ให้หมดไปกระแสกดดันนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง และขยายเครือจ่ายการตรวจสอบจากภาคประชาชน และสื่อมวลชนให้มากขึ้น

ในประวัติศาสตร์ของหลายประเทศการแก้ปัญหาการผูกขาดทางการเมืองและเศรษฐกิจต้องใช้ความพยายามอย่างมากและต้องใช้เวลานับหลายสิบปีจึงจะสามารถบรรเทาและผ่อนคลายความผูกขาดลงไปได้ แต่หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ประเทศก็จะค่อยๆ ขยายความเหลื่อมล้ำออกไปมากขึ้นมากขึ้นและท้ายที่สุดก็จะทำให้ประเทศตกลงไปสู่ภาวะวิกฤตและเกิดความรุนแรงทางสังคมและการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่