“สังศิต” เผย ตัวเลขปี 61 โกงนับแสนล้าน ระบบข้าราชการเละหนัก

Sharing

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาผลการศึกษารูปแบบการทุจริต เผยผลการศึกษารูปแบบการทุจริตประจำปีงบประมาณ 2561 จำนวน 14 เรื่องของเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.ในฐานะฝ่ายปฎิบัติงานงานในแต่ละเขตพื้นที่ พบว่า มีการทุจริตคอรัปชั่นในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งคดีการจดทะเบียนสมรสอำพรางของชาวต่างชาติและชาวไทย การทุจริตเงินออมผู้สูงอายุ การยักยอกทรัพย์ของเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ การทุจริตเพิ่มชื่อบุคคลในทะเบียนบ้าน

ยังพบประเด็นใหม่ล่าสุด คือ รูปแบบการทุจริต กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ซึ่งน่าสนใจ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหลายหน่วยงานฉวยโอกาสใช้สถานการณ์รุนแรงในพื้นที่แสวงหาผลประโยชน์มาเป็นของตนเอง ขณะที่การใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ได้เอื้อต่อการทุจริตรูปแบบพิเศษ ทำให้ไม่มีการตรวจสอบ

นายสังศิต กล่าวอีกว่า รูปแบบการทุจริตได้แพร่กระจายในหลายระดับทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ทางธนาคารโลกได้แบ่งระดับการทุจริตเป็น 2 ขนาดคือ ทุจริตในโครงการขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่ตนเห็นว่าไทยมีการทุจริตทั้งในโครงการขนาดเล็กและกลาง โดยมีแนวโน้มการทุจริตในขนาดเล็กมากกว่า ซึ่งแม้จะเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ก็มูลค่าความเสียหายมหาศาล

จากการศึกษาปัญหาการทุจริตให้สินบนนำจับในรอบ 1 ปีของตนเองในหน่วยงานรัฐหน่วยงานเดียวด้านยาเสพติดพบว่า มีมูลค่าประมาณ 2,000-10,000 ล้านบาท/ปี หากรวมผลการศึกษารูปแบบการอีก 13 กรณีของป.ป.ท.ประเมินอย่างต่ำพบว่าในปี 2561 มูลค่าความเสียหายจากปัญหาการทุจริตอยู่ที่ 50,000-100,000 ล้านบาท/ปี มูลค่าความเสียหายนี้เรียกว่า Economic Corruption

นอกจากนี้ยังมีการทุจริตที่เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดิน การซื้อขายตำแหน่ง หรือเรียกว่า”Bureaucratic Corruption ซึ่งแพร่ระบาดมากในสังคมไทย นอกจากนี้ยังมีรูปการคอรัปชั่นทางการเมือง หรือ Politic Corruption โดยปี 2562 จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจึงขอให้ประเมินดูว่า การทุจริตทางการเมืองจะมีมูลค่าความเสียหายเท่าไร

“สาเหตุที่ทำให้ปัญหาคอรัปชั่นเพิ่มอย่างรวดเร็วเพราะไทยมีระบบการเมืองแบบปิด มีจุดอ่อนคือไม่มีหน่วยงานใดตรวจสอบการทำงานได้อย่างแท้จริง แม้จะมีรัฐสภาหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถตรวจสอบการทำหน้าที่ของนักการเมืองได้ ขณะที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเอื้อต่อระบบอุปถัมป์มีการใช้เส้นสายมากกว่าระบบการเมืองแบบเลือกตั้ง ที่มีระบบรัฐสภาทำหน้าที่ในการตรวจสอบ อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมายในระบบปิดก็ไม่มีประสิทธิภาพพอ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลชุดนี้ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันปัญหาการทุจริตดี ๆ หลายฉบับ” นายสังศิต กล่าว

นายสังศิต กล่าวอีกว่า การคอรัปชั่นมีโอกาสขยายตัวสูงเนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจบิดเบือนในการตัดสินใจแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งผลจากการคอรัปชั่นในระดับจุลภาคทำให้การแข่งขันทางธุรกิจไม่เป็นธรรมและทำลายระบบเศรษฐกิจของไทยโดยตรงและยังส่งผลกระทบต่อนานาชาติ หากต้องการทราบว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งใครคอรัปชั่นมากกว่ากัน ก็ต้องทำวิจัย แต่จากที่ตนเคยทำวิจัยพบว่ารัฐบาลใดก็ตามที่มาอำนาจรัฐเข้มแข็งไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็สามารถทุจริตคอรัปชั่นได้มากกว่าและกว้างขวางกว่า

ขอบคุณ : คมชัดลึก


Sharing
spot_img

Latest articles

Related articles

spot_img