ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ วิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวถึงทางออกของการเมืองไทยว่า คนจะแสวงหาการพูดคุยอย่างสันติ เพราะถอดบทเรียนแล้วว่าที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางอุดมการณ์ด้วยการต่อสู้อย่างเข้มข้นได้ ยกกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่มีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น และกรณีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย นอบน้อมทางการเมืองต่อทุกฝ่ายตามวัฒนธรรมการเมืองไทย ทำให้พรรคภูมิใจไทยมีความโดดเด่นในช่วงนี้
นอกจากนี้ ผศ.วันวิชิต ยังมองข้อเสนอที่ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จับมือกันเพื่อสกัดทหารว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายที่ต้องคิดหนักมากที่สุด เพราะออกตัวไล่รัฐบาลเพื่อไทยมาก่อน ตามหลักจิตวิทยาการเมืองแล้ว ถ้าหากจับมือกันคงต้องอธิบายให้บรรดาแฟนคลับและสังคมค่อนข้างยาก
ส่วนการออกมาตอบโต้กันระหว่างนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ “ลูกนัท” ทายาทนักธุรกิจเครือโนเบิล บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย อดีตแนวร่วม กปปส. และนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ว่าจะเป็นการปิดทางการจับมือกันระหว่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ผศ.วันวิชิต ระบุว่า ทางผู้ใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ได้เตรียมการให้นายธนัตถ์พูด แต่คงเป็นลักษณะอารมณ์พาไปมากกว่า ตรงนี้เป็นบทเรียนให้ทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มเลือดใหม่ได้ว่า ถึงแม้คุณจะได้ความสะใจของแฟนคลับหรือคนในพื้นที่ แต่ในระยะยาวมันเหมือนเป็นการตัดชอยส์ทางการเมืองหรือตัวเลือกของตัวเองออกไป ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ไม่ควรจะใช้การเมืองแบบเก่าแล้ว และยิ่งคนที่เพิ่งเปิดตัวทางการเมืองยิ่งต้องใช้ “มธุรสวาจา” หรือคำไพเราะ อ่อนหวาน
“แม้ตัวเองจะออกท่าที ออกแอคชั่น ด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง แต่อย่าลืมว่าตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่ได้คำตอบแล้วว่าความขัดแย้งบาดหมางมันชอนไช ร้าวลึก ทำให้เดินหน้าต่อไม่ได้” ผศ.วันวิชิต กล่าว