นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ว่า ที่ผ่านมาตนมองว่าการนำเสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง 3 รูปแบบแรกนั้นก็ได้รับการยอมรับจากประชาชนแล้ว เพระประชาชนมีส่วนร่วมในการร่วม แต่ล่าสุดมีการนำเสนอรูปแบบใหม่ออกมาเป็นแบบที่ 4 ประชาชนมีความกังขาว่าทำไมถึงออกมารูปแบบนี้ ไม่เป็นไปตามกฏหมายและสร้างความสับสนให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ดังนั้น กกต.ควรทบทวนและควรเป็นกลางในการนำเสนอ อีกทั้งรูปแบบที่ 4 ที่เพิ่งมีการประกาศออกมา ตนยังมองว่าไม่น่าจะส่งผลดีต่อประชาชน เพราะยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน และไม่เป็นภูมิศาสตร์ของจังหวัด
นายอนุวัฒน์ อธิบายต่อว่า ที่ผ่านมาการเลือกตั้งทุกครั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้งในอำเภอพิมาย ไม่เคยออกมาเป็น 3 เขตมากก่อน ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งพิมายจะเป็นเขตอำเภอหลัก รูปแบบที่ 4 ที่มีการนำเสนอมา ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ และไม่เป็นไปตามกฏหมาย ซึ่งอยากให้ กกต.มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ไม่ควรเอื้อให้กับนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ทาง กกต.ควรที่จะอ้างอิงจากการแบ่งเขตการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพราะประชาชนรับทราบถึงรูปแบบการเลือกตั้งและเขตการเลือกตั้งของตนเองแล้ว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา กล่าวในเรื่องเดียวกัน ว่า การทำงานของ กกต.ต้องเป็นกลาง ไม่ควรเอื้อให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะมองว่าในส่วนของการแบ่งเขตที่ กกต.เสนอมาล่าสุด ยังไม่น่าจะใช่ข้อสรุป แต่ที่ผ่านมาเท่าที่ดูจากรูปแบบการเขต ใน 3 รูปแบบที่กกต.เสนอมาครั้งแรก ถือว่ามีความเหมาะสมอยู่แล้ว ถ้ามีการเสนอรูปแบบอื่นควรที่จะให้ประชาชนให้มีส่วนร่วมในการกำหนดเขตเลือกตั้ง เพราะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชนโดยตรงและเป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยที่มาของ ส.ส. จึงต้องถามประชาชนว่ายอมรับหรือไม่ และเข้าเกณท์ที่กฏหมายกำหนดไว้หรือไม่
“อยากให้ กกต.พิจารณาด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฏหมาย หลักภูมิศาสตร์ของพื้นที่ และเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด จึงจะเกิดความเป็นธรรมกับประชาชนในพื้นที่เลือกตั้ง” นายประเสริฐกล่าว