หน้าแรก news ไม่ต้องเข้าเมือง ! “ภูมิใจไทย” ชี้ ถึงเวลาคนไทยต้อง “เรียน-ทำงาน” ที่บ้าน

ไม่ต้องเข้าเมือง ! “ภูมิใจไทย” ชี้ ถึงเวลาคนไทยต้อง “เรียน-ทำงาน” ที่บ้าน

0
ไม่ต้องเข้าเมือง ! “ภูมิใจไทย” ชี้ ถึงเวลาคนไทยต้อง “เรียน-ทำงาน” ที่บ้าน
Sharing

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงบทบาทภายในพรรคผ่าน “แนวหน้า” ว่า ได้รับมอบหมายให้ดูแลการพัฒนาปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานของพรรคสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ การตั้งทีมทำงาน Digital transformation โดยให้นำเอาเทคโนโลยีบล็อคเชน (Blockchain), Data analytics ไปจนถึงการใช้ social media ที่เหมาะสมกับนโยบายพรรคมาประยุกต์ใช้ สื่อสารระหว่างกัน และสื่อสารกับประชาชน

ในส่วนของแนวนโยบาย ที่ต้องรับผิดชอบ พ.อ. ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ส่วนดูแลแนวนโยบายดิจิทัลให้เชื่อมโยงกับนโยบายอื่นของพรรค เพราะทุกอย่างต่อจากนี้ต้องผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

ยกตัวอย่าง มหาวิทยาลัยในอนาคตจะต้องเป็นไปในแบบออนไลน์ หรือ “Thailand Sharing University” เป็นการศึกษาทางเลือก ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใช้แทนการศึกษาทางหลักได้ มีการโอนหน่วยกิต ไม่ทำลายระบบดั้งเดิมที่มีและเป็นการเปิดโอกาสให้คนทึ่ไม่มีโอกาส มีทางเลือกใหม่

“นักเรียนนักศึกษาไม่ต้องมาโรงเรียนทุกวัน อาจจะไปเรียนทฤษฎี เรียนกับอาจารย์บ้าง แต่สุดท้ายคนต้องอยู่กับชุมชน เท่าที่เห็นคือ ปัจจุบันนี้ คนหนุ่มสาวเข้าเมืองมาหมด แล้วปล่อยให้คนแก่นอนหรือเลี้ยงหลานอยู่บ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในยุคที่ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ มีเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งทำลายข้อจัดเรื่องเวลา และสถานที่ไปหมดแล้ว แต่เรายังยึดติดกับกรอบเดิม ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีไม่คุ้มค่า”

โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวด้วยว่า การศึกษาต้องเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอน ยุติการเรียนแบบท่องจำ แต่ต้องเรียนเพื่อสร้างความเข้าใจ รู้จักใช้เหตุและผล

อย่างไรก็ตามนโยบายนี้นอกจากจะเชื่อมในเรื่องการศึกษา ยังไปถึงอาชีพใหม่ๆ รวมไปถึงข้อมูลภาคประชาชนเกี่ยวกับระบบ อาทิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) คนติดหนี้ เรียนหนังสือเสียเงิน จะดูข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มนี้ว่ามีปัญหาตรงไหน จะยกหนี้ได้หรือไม่ ถ้าเรียนดีก็ยกให้เลย แต่ไม่ใช่ยกให้หมด ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษามาคิดเรื่องนี้เพื่อให้มีโอกาส

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า คลื่น 5จี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จะก่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นในโลก รวมทั้งในไทย จากนี้วิศวกรไม่จำเป็นต้องไปนั่งในโรงงานเหมือนเมื่อก่อน อาจจะคุม 3 โรงงานคราวเดียว เทคโนโลยีการสื่อสาร จะเปลี่ยนโลกทั้งหมด ภาครัฐต้องเตรียมคนไทยให้พร้อม ตรงนั้นคือบทบาทหนึ่งของ “Thailand Sharing University”


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่