เห็นความคึกคักของพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนแล้วว่า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 62 มีการเลือกตั้งชัวร์
2 – 3 วันที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ดูดคนมีแสงมาร่วมงานจนแทบล้น เพราะกฎหมายระบุว่า ผู้สมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรค 90 วัน จึงไม่แปลกใจที่พรรค 4 ยอดกุมาร จะเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ฝ่าย คสช. แพ้ไม่ได้
หากแพ้ เท่ากับการยึดอำนาจเมื่อ 4 ปีก่อนคือความสูญเปล่า แม้จะทิ้งรัฐธรรมนูญไว้เป็นมรดก แต่ หาก คสช.ไม่ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด แบบมีความชอบธรรม
ย่อมมีโอกาสถูกรื้อถอน เนื่องจากหลายพรรคตั้งธงแก้ไว้แต่ไก่โห่
ที่น่ากังวลคือ สภาพความแข็งแกร่งของ คสช. และพลพรรค ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน หากอำนาจเปลี่ยนมือไซร้ ย่อมไม่มีสิ่งรับประกันสิ่งที่เคยกระทำมาเมื่อครั้งอดีต
จากเคยถูก อาจกลับมาผิด ถึงติดคุก ติดตาราง ก็มีให้เห็นในเกมอำนาจการเมืองไทย
เพราะเกมบีบให้ต้องชนะเลือกตั้ง คสช. จึงวางค่ายกล 10 ชั้น สกัดฝ่ายตรงข้าม และคงไม่มีอะไรง่ายไปกว่าการ “ดูด” มนุษย์นักการเมือง ที่เชื่อว่ามีความนิยมในตนเองมาร่วมพรรค ยิ่งการได้ “นักรบ” ของฝ่ายตรงข้ามมาไว้ในมือ ถือเป็นผลกำไร
เช่นนี้แล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมา แว่วว่าเกิด “ดีล” มากมาย เพื่อให้เกิดการย้ายพรรค เปลี่ยนขั้ว
จนล่าสุด มีอดีต “คน” ค่ายเพื่อไทยหลายคน เดินเข้าพรรคพลังประชาชารัฐ ทั้งกลุ่มเร่งสมบูรณ์สุข จาก จ.เลย, กลุ่มรัตนเศรษฐ, จากโคราช นายฉลอง เรี่ยวแรง, บุตรชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์
นายไผ่ ลิกค์ หรือ ไผ่ วันพอยท์,พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์,นายปริญญา ฤกษ์หร่าย,นายอนันต์ ผลอำนวย และ นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์
ไปจนถึงนายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.รุ่นใหญ่จากจังหวัดเลย ซึ่งเคยเป็นทีมยุทธศาสตร์ด้านข้าวของพรรคเพื่อไทย
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ก็ถูกดูดเข้าพลังประชารัฐไปไม่น้อย อาทิ บ้านนาคาศัย จากชัยนาท ,นายสุชาติ ตันเจริญ แห่งกลุ่มบ้านริมน้ำ และอีกหลายคน
นอกจากการดูดนักการเมืองแล้ว สิ่งที่ต้องจับตามองคือการแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเอื้อให้กับฝ่ายหนุน คสช.
ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลยังหว่านเงินช่วยเหลือคนจนล็อตยักษ์ กว่าแสนล้าน แบ่งเป็นแจกเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.8 หมื่นล้านบาท แจกค่าน้ำ – ค่าไฟ 2.8 หมื่นล้านบาท ยันค่าเช่าบ้านอีกเกือบพันล้านบาท
แจกต่อ ล็อกเป้าที่กลุ่มข้าราชการบำนาญอีก 2.5 หมื่นล้านบาท และเกษตรกร 1.8 หมื่นล้านบาท
นอกจากนั้นยังมีโครงการไทยนิยมยั่งยืนอีก 2.5 หมื่นล้าน
ทั้งนี้ หลังปีใหม่ ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเชื่อว่าจะมีมหกรรม “ลด แลก แจก แถม” ต่อเนื่อง ในนามของ “วิเศษนิยม” ศัพท์ใหม่ ที่ท่านรองวิษณุ บัญญัติ ขึ้นมาแทนที่คำว่า “ประชานิยม” ที่รัฐบาลปัจจุบันรังเกียจ
ฟังแล้ว สวยหรู กับแผนไดหลายขั้นปั้นพลังประชารัฐ ให้กลายเป็นพรรคทะลุ 100
แต่ในความสวยหรูมีข้อสงสัย
เพราะ กลยุทธ์ด้านการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ฝีไม้ลายมือ มีแค่ไหน ต้องถามไปที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งแพ้การเลือกตั้ง ปี 2550 ชนิดยับไม่เป็นท่า
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ หวังพึ่งความสำเร็จด้านการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน มาเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียง
ความสำเร็จดังกล่าว มีมากน้อยแค่ไหน
4 ปีที่ผ่านมามีคำตอบชัดอยู่ในตัว
Ringsideการเมือง