พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทข.) ในฐานะทีมยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้รับเชิญเป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในการบรรยายให้กับสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะ สำหรับนักบริหารระดับสูงรุ่นที่ 17 ในหัวข้อ “เศรษฐกิจดิจิทัลกับประเทศไทย 4.0” โดยมีผู้เข้าอบรมเป็นข้าราชการระดับสูงของภาครัฐ และหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ พนักงานรัฐวิสากิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรพัฒนาเอกชน อาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชน
สมาชิกทีมยุทธสาสตร์พรรคภูมิใจไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ลำดับแรกที่ประเทศไทยจะต้องรีบพัฒนาอย่างเร่งด่วนคือ ระบบการศึกษาที่ทันสมัยต่อการผลิตแรงงานใหม่ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น พัฒนาหลักสูตรและเทคโนโลยีการเรียนการสอน เพื่อสร้างแรงงานฝีมือในระดับอาชีวศึกษาให้มีความสอดคล้องกับอุตสาหกรรมใหม่ และการเพิ่มขีดความสามารถในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเชื่อมโยงกับระบบการค้าระหว่างประเทศได้
“ผู้นำและผู้บริหารประเทศ รวมไปถึงผู้บริหารองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หากไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าว ก็จะนำพาทั้งประเทศและองค์กรไปสู่ความเสื่อมถอย ดังนั้นขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและองค์กรนับจากนี้ไป จึงขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำ รวมถึงความเป็นมืออาชีพเฉพาะด้านที่ต้องร่วมมือกัน ดังนั้นรัฐบาลชุดต่อไปหากทำไม่เป็น ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลงอย่างไม่สามารถกลับคืนมาได้”
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวด้วยว่า ผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรในยุคต่อจากนี้ไป จะได้รับความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยี AI และ 5G กำลังส่งผลให้กระบวนการทำงานต่างๆ อาชีพที่มีอยู่ รวมทั้งธุรกิจในปัจจุบันในหลายธุรกิจกำลังเสื่อมถอยลง แต่ก็มีโอกาสใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น ตำแหน่งงานที่แปลกใหม่รวมทั้งธุรกิจที่แปลกใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นหากผู้บริหารประเทศไม่มีความสามารถและไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ก็จะนำพาประเทศหมดขีดความสามารถในการแข่งขัน และอาจจะเกิดการเลิกจ้างงานมากมายอย่างแน่นอน โดยภาคธุรกิจด้านสื่อและบันเทิง ได้เจอกับผลกระทบเป็นลำดับแรกจาก 4G แล้ว ส่วนธุรกิจด้านการเงินการธนาคารจะเป็นลำดับต่อไปที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจาก AI และ 5G จนไปถึงอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าก็จะมีผลกระทบอย่างชัดเจนใน 2-3 ปีข้างหน้า”
พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้ม AI และ 5G จะเปลี่ยนรูปแบบการผลิตสินค้าในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ยกตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตสินค้าแบบดั้งเดิมจะถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วภายใน 5 ปีจากนี้ ให้กลายเป็นโรงงานอัตโนมัต ด้วยการที่ 5G จะไปควบคุมหุ่นยนต์ (Robot) และ sensor ในโรงงาน เป็นต้น และจะเกิดขึ้นในทุกๆ อุตสาหกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกัน จนทำให้แรงงานที่เราผลิตออกมาทำงานในรูปแบบดั้งเดิม ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งงานรูปแบบใหม่ในอนาคตได้อีกต่อไป ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องเร่งให้มีการปรับปรุงพัฒนาขีดความสามารถของแรงงานอย่างมากในทศวรรษนี้
ขอบคุณข่าว : แนวหน้า