ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายโภคิน พลกุล นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรค และนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวและอ่านแถลงการณ์ เรื่อง “เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนทำให้การเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรม น่าเชื่อถือเพื่อเป็นทางออกให้ประเทศไทย” ระบุว่า
ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคม 2562 พรรคเพื่อไทยขอร่วมแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวไทยที่จะมีโอกาสกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองด้วยการเลือกผู้แทนของตนเข้ามาบริหารประเทศ หลังจากที่ คสช. ได้ยึดอำนาจและปกครองประเทศมาเกือบ 5 ปียาวนานกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใดๆในรอบ 80 กว่าปีที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่มีการบริหารของรัฐบาล คสช. ได้มีการกระทำหลายครั้ง ที่ส่อให้เห็นว่ามีการใช้อำนาจและกลไกของรัฐ อันจะส่งผลให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เช่น การที่ ๔ รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ร่วมจัดตั้งและเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง แต่ก็ไม่ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี โดยอาศัยช่องว่างตามรัฐธรรมนูญ การใช้งบประมาณอย่างมหาศาลทุ่มเทลงไปก่อนการเลือกตั้งไม่กี่เดือน โดยสังคมตั้งคำถามว่าเป็นการสร้างความนิยมก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นผู้เล่นไม่ใช่เป็นกรรมการ ถ้ายินยอมเป็นนายกฯในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ และหากจะบริหารประเทศต่อไปก็จะอยู่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการสามารถจะใช้อำนาจหน้าที่เป็นคุณเป็นโทษต่อการจัดการเลือกตั้งได้ การใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ แทรกแซงการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. และการเลือกปฏิบัติต่อพรรคเพื่อไทยโดยการไม่อนุญาตให้พรรคเพื่อไทยใช้สถานที่ราชการจัดเวทีปราศรัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้อนุญาตให้พรรคการเมืองบางพรรคใช้พื้นที่ดังกล่าวได้ เป็นต้น
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าประชาชนรอคอยการเลือกตั้งมาเป็นเวลานานหลังจากที่เลื่อนมาแล้ว 5 ครั้ง และเห็นว่าการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือเท่านั้นที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประเทศ และเป็นหนทางนำพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย อีกทั้งจะสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูเกียรติภูมิของประเทศในเวทีโลก ดังนั้นทุกฝ่ายต้องไม่ทำลายความหวังของพี่น้องประชาชนโดยการกระทำใดๆที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่เสรี ไม่เป็นธรรมและไม่น่าเชื่อถือ พรรคเพื่อไทยจึงขอแถลงดังต่อไปนี้
1) แม้รัฐบาลนี้จะอ้างว่า ตนเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลต้องใช้อำนาจเสมือนเป็นรัฐบาลรักษาการ โดยต้องไม่ริเริ่มโครงการใหม่ที่ต้องใช้งบประมาณผูกพัน หรืองบประมาณจำนวนมากในลักษณะที่จะสร้างความนิยมทางการเมือง ต้องไม่โยกย้ายและแต่งตั้งข้าราชการที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง
2) หัวหน้า คสช. ต้องงดเว้นในการใช้อำนาจตามมาตรา 44
3) คสช. และรัฐบาลต้องรักษาความเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัดและไม่ใช้อำนาจ รวมทั้งไม่ใช้ข้าราชการและกลไกของรัฐเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองหรือเลือกปฏิบัติหรือให้โทษต่อพรรคการเมืองใด นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องกำชับให้หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งรัฐมนตรี ได้วางตนเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง การที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสองแห่งในภาคอีสาน ที่เพิ่งพ้นจากพงหนามของมาตรา 44 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่สดๆร้อนๆขึ้นเวทีปราศรัยแนะนำผู้สมัครให้กับพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่นำพาต่อคำสั่งของปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
4) กกต. ต้องใช้อำนาจของตนให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ และต้องไม่ยอมให้มีการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. โดยเด็ดขาด พรรคขอเรียกร้องให้ กกต. ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐในเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้ยกเป็นกรณีตัวอย่างข้างต้นว่ามีการใช้อำนาจรัฐเพื่อเป็นคุณแก่พรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่
5) พรรคขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมกันทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรี และเที่ยงธรรม ด้วยการสอดส่องและเปิดโปงการทุจริตการเลือกตั้งทุกรูปแบบ
6) พรรคเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองทำการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ แข่งขันนำเสนอนโยบายให้ประชาชนตัดสิน และเมื่อประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนและผลการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ม.ค. พรรคจะเชิญผู้สมัครทั้งหมดจากทั่วประเทศมาประชุมร่วมกัน เพื่อแนะแนวยุทธศาสตร์ แนวทางข้อกฎหมาย ข้อบังคับข้อควรระวังในช่วงของการเลือกตั้ง รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนจะยื่นใบสมัครในวันที่ 4 ก.พ. โดยในวันดังกล่าวจะเปิดตัวผู้สมัครส.ส. ระบบเขตเป็นหลัก ในส่วนของผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 รายชื่อ จะเปิดตัวไม่เกินวันที่ 8 ก.พ. ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค ยังต้องสอบถามความคิดเห็นของสมาชิกอย่างกว้างขวาง