นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลัง 4 รมต.ทนแรงกดดันจากสังคมไม่ไหวจนต้องไขก๊อกลาออกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะถูกสังคมตั้งคำถามและถูกกดดันจนต้องลาออกตาม แม้จะยังยืนกรานอยู่ในตำแหน่งต่อก็ตาม
ซึ่งมีเหตุผล 5 ข้อที่พล.อ.ประยุทธ์ ควรลุกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้แล้ว ประกอบด้วย 1 ).เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับการเลือกตั้ง เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจะได้รับการเสนอชื่อจากพรรคพลังประชารัฐให้เป็นแคนดิเดทเป็นนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 หรือเป็นเพียงรายชื่อเดียว 2). ไม่มีสปิริต เพราะในการเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรมจำเป็นที่ผู้เล่นต้องเริ่มสตาร์ทในจุดเดียวกัน
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า เหตุผลข้อที่ 3).หมดความน่าเชื่อถือ เพราะทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ติดตามการเมืองไทยมาโดยตลอดทราบดีว่าภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎกติกาต่างๆ ที่ออกมา ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. 4).ข้าราชการวางตัวไม่ถูก เมื่อพล.อ.ปะยุทธ์ ไม่ลาออกจากตำแหน่ง จะยิ่งทำให้ข้าราชการรู้สึกอึดอัดใจในการทำหน้าที่ และเหตุผลข้อที่ 5 คือ สิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะจะยังคงมีการใช้งบประมาณของรัฐที่จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
นางลดาวัลล์ วงศ์ศรีวงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากเหตุผลที่ยกมาทั้ง 5 ข้อ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดื้อดึงอยู่ในตำแหน่งต่อจะสร้างผลเสียทั้งต่อตัวท่านและประเทศชาติอย่างไร ทางที่ดีควรลาออกตาม 4 รมต.ไปโดยเร็วจะเป็นการดีที่สุด
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม ติง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาแนวทางการตัดสินใจทางการเมืองอย่างมีสติ โดยควรคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม คือ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี หน้าตาประเทศ และหน้าตาของคนไทย มากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
การลาออกจากหัวหน้า คสช.หลังมี พรฎ.การเลือกตั้ง นับเป็นมารยาท เป็นจริยธรรม ที่คนไทยพึงมี เพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นประเทศให้กลับคืนมา โปรดอย่าอ้างกฎหมายที่ออกมาภายใต้การคุมอำนาจของ คสช. แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ มารยาทและจริยธรรมนับเป็นคุณธรรมขั้นสูง ที่อยู่เหนือกว่ากฎหมาย
“ท่านเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ท่านก็ควรถือโอกาสนี้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า ต้องการปฏิรูปการเมืองจริง ๆ จึงขอให้คิดให้รอบคอบ ผมให้ความเห็นเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจที่อยากจะเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างสง่างาม” นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต วิชยสุทธิ์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า อยากแนะนำให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง หากตอบรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองแม้จะได้พยายามปฏิเสธแล้ว เพื่อรักษาระดับบรรทัดฐานเดียวกันกับ 4 รมต. ที่พึ่งลาออก หลังจากที่อาจทนแรงกดดันไม่ได้และคงละอายใจที่จะอยู่ต่อ ทั้งนี้เพราะ ครม. ปัจจุบันมีอำนาจเต็มและสามารถให้คุณให้โทษกับพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัดได้ ไม่เหมือน ครม. ปกติ ที่หลังการยุบสภาแล้ว จะไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะของประธาน คสช. ยังมี ม. 44 ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จอีกจนกระทั่งมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นอย่างมาก ทั้งนี้ 4 รมต. ยังลาออกได้ในจังหวะที่พอดี เพราะหากอยู่ต่อจะเจอกับภาวะเศรษฐกิจที่ยิ่งทรุดหนัก แม้กระทั่งสื่อที่เชียร์รัฐบาลยังยอมรับและเปิดประเด็นนี้เอง ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ ปลายปีที่แล้วจะออกมาแย่แน่เพราะการส่งออกติดลบ 2 เดือนติด โดยไตรมาสสี่น่าจะโตได้เพียงแค่ 3% กว่าเท่านั้น และภาวะเศรษฐกิจยังคงทรุดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ องค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ยังจัดดัชนีการรับรู้คอร์รัปชั่นของไทยร่วงลงอีกไปอยู่ที่อันดับ 99 จากเดิมอันดับ 96 ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยเคยอยู่อันดับที่ 76 อีกทั้งดัชนีความก้าวหน้าทางสังคมตกลงมาอยู่อันดับที่ 71 จากอันดับเดิมที่ 64 โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของประชาชนลดลงสวนกับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น
“หวังว่าพลเอกประยุทธ์จะกลับใจมาพิจารณาลาออกทั้งจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และตำแหน่ง ประธาน คสช. ด้วย ตามแบบ 4 รมต. ที่ได้ลาออก หากยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อจะได้ไม่เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น อีกทั้งยังได้รักษามาตรฐานที่ดีตามที่ 4 รมต. ได้กล่าวอ้างไว้เองตอนที่ลาออก” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์
โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ว่า ไม่ออก ออกแล้วใครจะทำล่ะ ก็ไม่ออก เป็นนายกฯอยู่นี่แหละ กฎหมายเขาไม่ได้ให้ออกก็ไม่ออก” ส่วนตำแหน่งหัวหน้า คสช.ก็เป็นไปตามกฎหมายที่เขียนไว้ว่าจะต้องอยู่เมื่อไร ก็นั่นล่ะอย่ามาถามซ้ำ พร้อมเปิดเผยว่า “ถ้าตัดสินใจจะอยู่ต่อ จะอยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมือง เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวจะไปนายกฯ คนนอก คนใน วุ่นวายกันไปหมด ถ้าอยู่ก็จะอยู่ในบัญชีชื่อ”
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา