นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงศึกเลือกตั้ง 62 ว่า ในรอบสิบปีที่ผ่านมา การเมืองไทยวนอยู่กับที่ มีความขัดแย้งจาก 2 พรรคใหญ่ ลามไปถึงการยึดอำนาจ ประชาชนประสบปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เลือกตั้ง แล้วก็ทะเลาะกันอีก เกิดการยึดอำนาจซ้ำไปมา การเลือกพรรคภูมิใจไทยนอกจากจะช่วยทลายข้อจัดกัดในการทำมาหากิน ยังเป็นการลดอำนาจ 2 พรรคใหญ่ ที่คอยขัดแย้งกันเอง ให้เข้ามาอยู่ในจุดที่เหมาะสม โดยมีภูมิใจไทยช่วยประคองบ้านเมือง ก่อนที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายเหมือนในอดีต พรรคภูมิใจไทยจะช่วยทลายวงจรเดิมๆ เพื่อให้ประเทศ เดินหน้าอย่างมั่นคง เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย ไม่เน้นขัดแย้งกับใคร แต่เราจะพูดด้วยเหตุผล ทำทุกทางเพื่อรักษาระบอบรัฐสภา
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งปี 54 พรรคภูมิใจไทย มีคะแนนเป็นอันดับ 3 แต่ครั้งนี้ เรามีความพร้อมยิ่งกว่าเดิม เพราะส่ง ส.ส. ครบ 350 เขต และบัญชีรายชื่อ 150 เขต จึงกล้าประกาศเป็นแกนหลักรับใช้ประชาชน
“พรรค มี จุดเด่น 4 เหตุผลให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจ ว่าทำไม ต้องเลือกภูมิใจไทย
- เราเป็นพรรคสายกลางไม่ทะเลาะกับใคร บทบาทของเราคือการประคับประคองรัฐสภาให้อยู่รอด
- หัวหน้าพรรค หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนักบริหารที่ผ่านงานจริงมาแล้ว และประสบความสำเร็จ มีความรู้ ความสามารถไม่แพ้หัวหน้าพรรคใด
- ผู้สมัครเป็นคนในพื้นที่และทำงานกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง เข้าใจปัญพี่น้องประชาชน
- นโยบายแก้ปากท้อง อยู่บนหลักทำได้จริง ทำได้เลย ไม่ต้องใช้งบเพิ่มมหาศาล เรามุ่งเน้นการแก้กฎหมายให้ทันสมัย สอดรับกับความต้องการของประชาชน
ดังนั้นจากเหตุผลดังกล่าวขอโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้เสนอตัวรับใช้ประชาชนและเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี”
นายศุภชัยกล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดปทุมธานี วานนี้ ว่า ได้รับการตอบรับอย่างมาก บ่งชี้ ว่าภูมิใจไทย มีคนนิยมทั่วประเทศ พรรคภูมิใจไทย ต้องการให้ปทุมธานี มีโครงสร้างด้านการสาธารณูปโภคที่ดี เพิ่มศักยภาพความเป็นฮับตลาดกลางขนส่งสินค้า เพราะปัจจุบัน ที่นี่มีทั้งตลาดรังสิต ตลาดสี่มุม เมืองตลาดไท การยกระดับการบริหารจัดการจะส่งเสริมให้ชาวนาเกษตรกรเข้มแข็ง
นอกจากนี้ พรรคมีนโยบายส่งเสริมการศึกษาให้เด็กและเยาวชนเรียนออนไลน์ผ่านระบบดิจิตอล เพื่อสร้างการศึกษาอย่างเท่าเทียม สำหรับวัยทำงาน เราสนับสนุนให้ทำงานที่บ้าน 1 วัน จากข้อตกลงเรื่องการทำงานทั้งหมด
เราอยากให้คนไทยได้มีเวลาเพิ่มขึ้น 1 วันอยู่กับครอบครัว ทั้งยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดความเครียดระหว่างอยู่บนท้องถนน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ ทั้งนี้ ทางรัฐจะเสนอแรงจูงใจแก่บริษัท หากเข้าโครงการยอมให้พนักงานทำงานที่บ้านอย่างน้อย 1 วัน
นายศุภชัย กล่าวทิ้งท้ายถึงนโยบายกัญชาเสรี ว่า พืชเกษตรหลายตัวราคาตกต่ำ เราจำเป็นต้องมีทางเลือกใหม่ อย่าไปมองว่ากัญชาเป็นเพียงยาเสพติด เราต้องทำลายความเชื่อตรงนี้ก่อน เพราะกัญชามีสรรพคุณทางการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง และอีกหลายโรค เราต้องนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในเรื่องการสาธารณสุข พร้อมไปกับการแก้ปัญหาปากท้อง เนื่องจากกัญชาเป็นที่ต้องการของทั้งโลก แต่มีอุปทานน้อยเหลือเกิน เราต้องสร้างโอกาสโดยให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสปลูกกัญชาครัวเรือนละ 6 ต้น มีรายได้กว่า 4 แสนบาทต่อปี
นายศุภชัย ใจสมุทร