เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แถลง นโยบายกำไรแบ่งปัน สินค้าเกษตร จะทำให้ชาวนา มีรายได้เพิ่มขึ้น และราคาข้าวสารจะไม่แพงขึ้น เพราะข้าวสารเป็นสินค้าควบคุมราคา ในขณะที่นโยบายกัญชาเสรี มีแคลิฟอร์เนียโมเดล เป็นต้นแบบ เผยร่างกฎหมายไว้รอแล้ว ถ้าประชาชนลงคะแนนให้พรรคภูมิใจไทย จะทำให้เห็นทันที
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค และพันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงนโยบายกำไรแบ่งปัน สินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าว ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกร และชาวนา อย่างมาก ว่า นโยบายกำไรแบ่งปัน จะทำให้ชาวนา มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่จะไม่ทำให้ราคาข้าวสารแพงขึ้น และคนไทยไม่ต้องกินข้าวราคาแพง ตามที่มีผู้ตั้งประเด็นคำถาม
“นโยบายกำไรแบ่งปัน ใช้มาแล้ว 35 ปี กับ อ้อยและน้ำตาลทราย ชาวไร่อ้อย ได้ 70 % โรงงานและผู้ส่งออกน้ำตาล ได้ 30% จากการศึกษาวิจัยของพรรคภูมิใจไทย ยืนยันได้ว่า หากนำระบบกำไรแบ่งปันมาใช้กับข้าว ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ไม่มีระบบใดๆ มาช่วยเหลือชาวนา อย่างแน่นอน การศึกษากรณีตัวอย่างราคาข้าวปี 2561 ถ้านำระบบกำไรแบ่งปัน มาใช้ จะทำให้ชาวนา มีรายได้จากการขายข้าวขาว ตันละ 7,900 บาท ได้กำไรแบ่งปันเพิ่มขึ้นอีก 800 บาท รวมเป็น 8,700 บาท และข้าวหอมมะลิ มีรายได้จากการขาย ตันละ 18,000 บาท ได้กำไรแบ่งปันเพิ่มขึ้นอีก 1,500 บาท รวมเป็น 19,500 บาท โดยที่รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน มาแทรกแซงราคา เช่น ระบบจำนำ หรือ ประกันราคา เช่นในอดีต เหมือนที่เราไม่ต้องมีระบบจำนำอ้อย หรือ ประกันราคาอ้อย”
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าพรรคภูมิใจไทย มั่นใจว่าการทำให้ชาวนา มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายข้าว เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และหากในอนาคตราคาข้าวสารแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิตแพงขึ้น ชาวนาก็จะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นด้วย เพราะระบบกำไรแบ่งปัน ชาวนา จะได้รับส่วนแบ่งกำไร 75 % โรงสี ได้รับ 10% และผู้ค้าข้าว 15% ระบบกำไรแบ่งปัน จะมาทำลายคำกล่าวที่เจ็บปวดของชาวนา คือ ข้าวเปลือกถูก ข้าวสารแพง ชาวนาจน พ่อค้ารวย ให้หมดไป
ผมได้ยินทุกพรรคการเมืองบอกว่าอยากให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น ได้รับความเป็นธรรม จึงควรสนับสนุนกัน ช่วยกันหาแนวทางช่วยเหลือชาวนา มากกว่า พรรคภูมิใจไทย เห็นว่าในระบบการผลิตข้าว กลุ่มคนที่ต้องห่วงมากที่สุดคือชาวนา ในขณะที่ผู้บริโภค รัฐบาลมีมาตรการควบคุมราคาข้าวสาร อยู่แล้ว ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นโยบายกัญชาเสรี เป็นนโยบายที่ประชาชนให้ความสนใจ อย่างมาก เพราะประชาชนทราบมานานแล้วว่ากัญชา มีคุณประโยชน์ทางยา รักษาโรคได้หลายโรค และเข้าใจว่ารัฐบาลนี้ ออกกฎหมายให้ใช้กัญชารักษาโรค ได้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ข้อเท็จจริงก็คือ กฎหมายที่เพิ่งประกาศใช้ ประชาชนจะได้รับประโยชน์น้อยมาก คนที่คิดจะปลูกกัญชาเพื่อใช้เอง ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือ ปลูกกัญชาเพื่อจำหน่ายเป็นวัตถุดิบให้กับบริษัทผู้ผลิตยา ไม่สามารถทำได้ กฎหมายฉบับนี้ ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงกัญชาได้ด้วยตนเอง แต่เปิดโอกาสให้บริษัทผู้ผลิตยา มีโอกาสครอบงำและผูกขาดธุรกิจกัญชา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
พรรคภูมิใจไทย จึงนำเสนอให้มีการแก้กฎหมาย ให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาได้โดยเสรี ทั้งการปลูก การใช้เพื่อการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และเพื่อสันทนาการ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยที่เรามีแคลิฟอร์เนีย โมเดล ซึ่งเป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่ดำเนินนโยบายเกี่ยวกับกัญชาประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ให้แก่รัฐ เป็นจำนวนมาก ทั้งภาษี การปลูก การใช้กัญชา และ การท่องเที่ยว เป็นต้นแบบ
“การนำเสนอนโยบายกัญชาเสรี คือ แนวทางของพรรคภูมิใจไทย ที่ชัดเจน คือ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อปากท้องประชาชน ในอดีต กัญชา เคยเป็นเรื่องผิดกฎหมาย 100%
แต่เมื่อมีการวิจัยบอกว่ากัญชาเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ รัฐบาลนี้ ก็นำเสนอแก้กฎหมายให้ใช้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย นั่นก็คือการลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจให้ประชาชนใช้กัญชาได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อแก้กฎหมายแล้ว คนส่วนน้อยได้ประโยชน์มากกว่าคนส่วนใหญ่ ก็จำเป็นที่จะต้องผลักดันให้แก้กฎหมายอีกครั้ง เพื่อให้คนไทยทุกคนได้ประโยชน์ สามารถปลูก ทำยาสมุนไพร และเพื่อการสันทนาการ
พรรคภูมิใจไทย ได้ยกร่างกฎหมายเอาไว้แล้ว รอแค่พี่น้องประชาชนอนุญาตให้ทำกฎหมาย ตามนโยบายของพรรค หรือไม่ ถ้าพี่น้องประชาชนอนุญาต ต้องช่วยกันไปลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยทั้งเขต พรรคภูมิใจไทย จะทลายข้อจำกัดทุกเรื่อง เพื่อลดอำนาจรัฐ และ แก้ไขปัญหาปากท้องของ พี่น้องประชาชน
เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แสดงความเชื่อมั่นว่าจากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ในรอบ14 วัน หลังจากสมัครรับเลือกตั้งพบว่า ประชาชนให้ความสนใจและตอบรับนโยบาย “ระบบกำไรแบ่งปันผลผลิตการเกษตร” และ กัญชาเสรี มากเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามด้วยนโยบายแก้ปัญหาหนี้ กยศ. และ การยกระดับ อสม.เป็นหมอประจำบ้าน
นายศักดิ์สยาม กล่าวถึง จุดยืนทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ต่อสถานการณ์การเมือง ในขณะนี้ โดยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยุติการสร้างความขัดแย้ง หรือไม่เข้าไปร่วมสร้างความขัดแย้ง ให้กับสังคมและประเทศชาติ หันมาให้ความสนใจนำเสนอนโยบายของพรรคการเมือง เพื่อเสนอตัวเป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชน เพราะทุกวันนี้ประชาชนเดือดร้อนกับปัญหาปากท้อง และหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น